รวมประกาศสมัครงานออนไลน์ในตำแหน่งงานมากมาย จากบริษัทชั้นนำ

รบกวนแชร์ให้หน่อยนะคะ
แชร์
banner_model
หางานดี ต้องมีรีวิวบริษัท
ได้งานดีต้องมี Super Resume
ค้นหางานเลย!

ค้นหางาน
ตามสายอาชีพ

ค้นหางาน
ตามประเภทธุรกิจ

ค้นหางานตามพื้นที่

ค้นหางานนักศึกษาจบใหม่

ร่วมงานกับ 'Dream Company'

องค์กรที่ดูแลพนักงานได้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ใน 4 มิติ ชีวิตดี งานดี เงินดี สังคมดี

กำลังโหลดข้อมูลบริษัทชั้นนำ...
ัyousayhrsay
อ่านรีวิวจากบริษัทที่น่าสนใจ
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
20
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

บริษัทดี เพื่อนร่วมงานดี
ลูกน้องดีมาก
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท บี-ควิก จำกัด
บริษัท บี-ควิก จำกัด
9
รีวิว
5
คะแนนเฉลี่ย
dream3

สวัสดิการดี
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
8
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

สังคมในที่ทำงานดี
เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า สภาพแวดล้อมในหารทำงานค่อนข้างดี อยู่แล้วสบายใจ
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน)
บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน)
8
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

สวัสดิการดี
บุคลากร ผู้รับเหมามีคุณภาพ
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด
79
รีวิว
5
คะแนนเฉลี่ย
dream3

ดี
ดี
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท เอจีซี แฟลทกลาส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอจีซี แฟลทกลาส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
9
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

-
-
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท สยาม มอดิฟายด์ สตาร์ช จำกัด ,บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด , บริษัท สยาม ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด
บริษัท สยาม มอดิฟายด์ สตาร์ช จำกัด ,บริษัท เอสเอ็มเอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด , บริษัท สยาม ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด
6
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

สวัสดิการดี ดูแลพนักงานเปรียบเสมือนญาติพี่น้อง
ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ มีเวลาส่วนตัว และการทำงานที่สบายใจเป็นระบบ
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด
บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด
5
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

ได้เรียนรู้ ฝึกฝนตนเอง
บรรยากาศ เรียบง่าย กันเอง
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี
บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
6
รีวิว
4.5
คะแนนเฉลี่ย
dream2

บรรยากาศดี สวัสดิการดี เพื่อนร่วมงานดี
ชีวิตดี
งานดี
เงินดี
สังคมดี

เชื่อหรือไม่? เรซูเม่ที่ดี

ช่วยสร้างโอกาสในการหางานได้มากกว่า!

เรซูเม่ มีความสำคัญอย่างมากในขั้นตอนการรับสมัครงาน เนื่องจากเป็นเอกสารท อ่านต่อ
แต่ละสายอาชีพชีวิตเป็นอย่างไร?

อ่านชีวิตจริงของ 26 สายอาชีพ จากคนทำงาน 40,000 คน

อ่านเลย! คลิก
‘Super Resume’ เรซูเม่ที่ช่วยให้คุณยืนหนึ่ง
ที่ช่วยให้คุณยืนหนึ่ง
โอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์มากกว่า
เปิดโลกการทำงาน
ให้คุณไม่พลาดทุกข่าวสาร เคล็ดลับ บทความ ที่จะเปิดโลกการทำงานใหม่ ๆ ที่เราคัดสรรมาเพื่อคุณ
20913
เปิดวิธีรับมือ Generation Gap ปัญหาที่คนทำงานต้องเจอ
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้คนทำงานหลาย ๆ คนต้องหนักใจ เมื่อทำงานร่วมกันในองค์กรที่มีคนหลายรุ่น หลายวัย ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาความไม่เข้าใจกันที่เกิดจาก Generation Gap นั่นเอง โดยในบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักว่า Generation Gap คืออะไรกันแน่ มักก่อให้เกิดปัญหารูปแบบใดบ้าง รวมถึงเราจะมีวิธีการรับมือกับปัญหานี้ในที่ทำงานได้อย่างไรบ้างGeneration Gap คืออะไร ควรรับมืออย่างไรเมื่อต้องทำงานร่วมกันGeneration Gap คืออะไร ?Generation Gap คือช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งหมายถึงความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อ ทัศนคติในการใช้ชีวิตและการทำงาน รวมถึงความต่างทางค่านิยมของคนในช่วงวัยที่แตกต่างกันความแตกต่างระหว่างวัยนี้อาจเกิดขึ้นได้จากความแตกต่างกันไปในสังคมตามช่วงเวลาที่คนในแต่ละวัยได้รับการหล่อหลอมเติบโตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของบริบททางสังคม วัฒนธรรม ไปจนถึงความแตกต่างด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งความต่างเหล่านี้เองที่ส่งผลให้ความคิดของคนแต่ละวัยแตกต่างกันการที่มีช่องว่างระหว่างวัยนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะแม้ว่าการมีคนที่ต่างวัยมาทำงานร่วมกันจะช่วยให้สามารถแชร์ประสบการณ์ แชร์ไอเดียที่แตกต่างกันในการทำงาน และช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ความแตกต่างทางแนวคิดก็อาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานและอยู่ร่วมกันได้หลายประการเช่นกันปัญหาที่อาจเกิดจาก Generation Gapการทะเลาะเบาะแว้ง การไม่เข้าใจกัน การแบ่งแยกหรือตีตรากันการทำงานร่วมกันไม่ราบรื่น เกิดความขัดแย้งในการทำงานการสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพ เกิดความเข้าใจผิดกันวิธีรับมือกับ Generation Gapเพื่อลดและหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันของคนแต่ละช่วงวัย การรู้จักวิธีรับมือกับความแตกต่างระหว่างวัยถือเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมี เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีรับมือกับ Generation Gap มีอยู่ดังนี้1. เข้าใจและยอมรับในความต่างสิ่งแรกที่ควรทำเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงานวัยเดียวกันหรือต่างวัยก็คือ การทำความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างของแต่ละคนให้ได้เสียก่อนนั่นเอง โดยอาจเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจและยอมรับว่า แต่ละ Generation แต่ละช่วงวัยนั้น มีความคิด ความเชื่อ และทัศนคติที่แตกต่างกันอย่างไร และไม่ตัดสินหรือแบ่งแยกผู้อื่น เพียงเพราะมีความเห็นหรือแนวคิดที่ต่างกัน2. สื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากปัญหาเรื่องการสื่อสารนั้นเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยจากความต่างระหว่างวัย ดังนั้น การสื่อสารที่ดี ชัดเจน และมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างวัยได้ โดยควรพยายามสื่อสารกันอย่างชัดเจน และเช็กให้มั่นใจว่าทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน และเมื่อต้องประสานงานกันควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือภาษาที่ฟังดูก้าวร้าว เพราะอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดพลาดหรือเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันได้3. สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข การคอยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้พนักงานแต่ละ Generation รู้สึกผ่อนคลาย และเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยอาจเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการกล่าวทักทายกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ หรือการเสนอความช่วยเหลือเมื่อทำได้4. เรียนรู้จากกันและกันอีกหนึ่งวิธีรับมือกับ Generation Gap ที่สามารถทำได้ก็คือ การสร้างโอกาสเรียนรู้จากความแตกต่างนั่นเอง โดยแทนที่จะถกเถียงหรือทะเลาะกันเมื่อเกิดความเห็นไม่ตรงกัน เราสามารถที่จะรับฟังแนวคิดของแต่ละฝ่ายเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นได้ หรืออาจเสนอไอเดียต่อยอด เพื่อช่วยกันสร้างข้อตกลงที่ดีที่สุด ซึ่งเมื่อทำได้อย่างนี้แล้ว คุณอาจจะได้เรียนรู้เทคนิคดี ๆ ที่ตัวเองคิดไม่ถึงเนื่องจากขาดประสบการณ์ หรือแนวคิดบางอย่างก็ได้5. ช่วยเหลือกันในเรื่องที่ทำได้การช่วยเหลือกันในเรื่องที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง จะช่วยให้พนักงานแต่ละช่วงวัยรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม และการเป็นส่วนหนึ่งของทีม และทำให้เกิดความเข้าใจกัน และสนิทสนมกันมากขึ้นด้วย6. รู้จักปรับตัวเข้ากับผู้อื่นนอกจากการทำความเข้าใจแล้ว การปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นก็สำคัญไม่แพ้กันในการรับมือกับความต่างของวัย โดยคนทุกช่วงวัยควรปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ในทีมมากขึ้น เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นมืออาชีพมากที่สุด7. ปล่อยวางเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆแน่นอนว่าการคิดไม่ตรงกันนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งหากเราทำให้ทุกความเห็นที่ไม่ตรงกันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะทำให้เสียบรรยากาศในการทำงาน และอาจทำให้ไม่สามารถทำงานให้ลุล่วงได้ แต่หากรู้จักการปล่อยวางในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญ และมุ่งเน้นไปที่การทำงานร่วมกันเป็นหลัก ก็จะช่วยลดปัญหาในการทำงานได้เพื่อให้การทำงานในองค์กรร่วมกันระหว่างวัยต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่น ทุกคนจำเป็นต้องรับมือกับ Generation Gap ให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันของคนทุกช่วงวัย และสำหรับใครที่กำลังมองหางานในองค์กรใหญ่ แน่นอนว่าคงต้องได้พบเจอกับ Generation Gap แน่นอน ถ้าพร้อมรับมือกับช่องว่างระหว่างวัยแล้ว มาฝากประวัติสมัครงาน พร้อมสร้าง Super Resume ที่ JOBTOPGUN ได้เลย ใช้งานสะดวกผ่านเว็บไซต์และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20898
5 วิธีค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร อาชีพไหนที่ใช่มากที่สุด!
การหาคำตอบว่าตัวเองชอบทำอะไร ถนัดในสิ่งไหน เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงาน ที่จำเป็นต้องตัดสินใจเลือกสมัครเพื่อก้าวสู่โลกแห่งการทำงานจริง การค้นหาตัวเองจะช่วยให้เราเข้าใจตัวตนได้ดีมากขึ้น ทำให้มองเห็นภาพในอนาคตได้ชัดเจน เลือกทางเดินที่เหมาะสมกับตัวเองยิ่งขึ้น จนนำไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จได้ บทความนี้จึงจะมาแจกวิธีค้นหาตัวเองแบบง่าย ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการหางานที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับเราได้มากที่สุดเปิดวิธีค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร เพื่อให้ได้งานที่ตอบโจทย์ถูกใจ1. สำรวจตัวเองการสำรวจตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการค้นหาตัวตน เพราะสามารถทำให้รู้จักตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งความสนใจ จุดแข็ง-จุดอ่อน รวมถึงทักษะที่สะท้อนถึงคุณค่า โดยวิธีค้นหาตัวเองเพื่อสำรวจความสนใจนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงนึกถึงสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข มีความถนัด หรือสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ แต่สิ่งที่คิดเพียงชั่วครู่อาจไม่ใช่คำตอบของการสำรวจตัวเองในระยะยาว ถ้าหากอยากสำรวจตัวเองอย่างลึกซึ้ง ก็ควรเริ่มจดหรือเขียนบันทึกประจำวัน เพื่อให้สามารถย้อนกลับไปอ่านสิ่งที่คิดและรู้สึกจากการทำกิจกรรมและใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อทบทวนและเข้าใจตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าอาจทำให้พบกิจวัตรที่เป็นความถนัดโดยไม่รู้ตัว2. ลองทำสิ่งใหม่ ๆอีกหนึ่งวิธีค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร คือการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งอาจทำให้ค้นพบความสนใจใหม่ หรือพบทักษะที่อาจไม่เคยรู้ อย่างการเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีตัวอย่างที่น่าลองทำเพื่อสำรวจตัวเอง เช่นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สนใจ เช่น หากสนใจงานด้านคอมพิวเตอร์ อาจลองเรียนเขียนโปรแกรม หรือทำเว็บไซต์เพิ่มเติม ซึ่งหากต้องทำในระยะยาว ความสนใจนี้จะเป็นความชอบได้จริงหรือไม่ พร้อมกับสำรวจความถนัดต่อสิ่งที่สนใจนี้ว่าเรามีทักษะในด้านนี้มากพอหรือไม่กิจกรรมที่แตกต่างจากความสนใจ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ เช่น หากปกติสนใจในงานศิลปะโดยที่ไม่เคยทำกิจกรรมอื่นเลย ก็อาจลองเปิดหูเปิดตา ออกไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง เพราะยิ่งได้ลองเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำให้ค้นพบความชอบ หรือสิ่งที่ถนัดมากขึ้นเท่านั้นการลองทำสิ่งใหม่ด้วยกิจกรรมที่หลากหลายจะทำให้ได้สำรวจตัวเองมากขึ้น ต่อให้มีกิจกรรมที่ไม่ชอบแต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถนำความรู้สึกและทักษะที่ได้มาเป็นประสบการณ์เพื่อพัฒนาและค้นหาตัวเองอย่างชัดเจนมากขึ้น3. อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูกดังที่กล่าวไปว่า หนึ่งในวิธีค้นหาตัวเองเพื่อให้เจออาชีพที่ใช่ คือการทดลองทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาและทดลองผิดลองถูกหลายครั้ง จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ตั้งแต่แรก ดังนั้น อย่ากลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ และเรียนรู้จากความผิดพลาด เพราะการล้มเหลวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ที่จะช่วยให้เราค้นพบตัวเองได้ในที่สุด สิ่งสำคัญคือการมีสติและตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่ออนาคตมากที่สุด4. ใช้เวลาอยู่กับตัวเองหลายคนออกไปทำนู่นทำนี่จนละเลยการใช้เวลากับตัวเองไป เพราะมองว่าเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่แท้จริงแล้วการค้นหาตัวเอง จำเป็นต้องโฟกัสที่ตัวเองเป็นหลัก ซึ่งการได้ใช้เวลาส่วนตัวจะช่วยให้สามารถโฟกัสความคิดได้มากขึ้น ลองสังเกตตัวเองเป็นประจำว่ารู้สึกอย่างไรกับสิ่งรอบตัว มีสิ่งที่รู้สึกสนใจเป็นพิเศษหรือไม่ หรือทำให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจมากขึ้น โดยยึดความสุขและความสบายใจเป็นหลัก เพื่อให้สามารถเลือกอาชีพที่ตอบโจทย์กับความชอบได้มากที่สุด5. ทำแบบทดสอบ MBTIหากลองทำตามสเตปวิธีค้นหาตัวเองเหล่านี้แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ อีกวิธีคือลองทำแบบทดสอบ MBTI ซึ่งเป็นแบบทดสอบบุคลิกภาพที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ช่วยให้เราเข้าใจบุคลิกภาพของตัวเองมากขึ้น โดยจะแบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 16 ประเภท จากปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่การเข้าสังคม: E (Introversion) vs. I (Extroversion)การใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก: S (Sensing) vs. N (Intuition)การใช้เหตุผลและความรู้สึก: T (Thinking) vs. F (Feeling)การจัดระเบียบและวางแผน: J (Judging) vs. P (Perceiving)แบบทดสอบ MBTI สามารถช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ทั้งในด้านความสนใจ ความสามารถ การทำงาน ความสัมพันธ์ และการตัดสินใจ รวมถึงมีการวิเคราะห์อาชีพที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคลิกภาพโดยเฉพาะ ทำให้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อค้นหาอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองได้เมื่อสำรวจตนเองจนรู้แน่ชัดแล้วว่างานประเภทไหนที่ชอบ อาชีพไหนที่ใช่กับเรามากที่สุด ก็ถึงเวลาลุยหางานที่เหมาะสมกับตัว สำหรับคนที่อยากได้งานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและต้องการหางานระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ สามารถเข้ามาดูงานได้ที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน พร้อมดูแลให้คุณได้งานง่าย ด้วย Super Resume ที่ได้รับการยอมรับจากกว่า 30,000 บริษัทชั้นนำ ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างความประทับใจให้แก่ HR ให้คุณโดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่น สนใจสมัครงานระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา หรือหางานในทุกจังหวัดได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้งระบบ iOS และ Android หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20847
รู้ไว้ได้เปรียบ! ข้อดีของงานพาร์ตไทม์ที่หลายคนคาดไม่ถึง
เมื่อพูดถึง “งานพาร์ตไทม์” (Part Time) เชื่อว่าหลายคนคงมีภาพจำคล้าย ๆ กัน คืองานเสริมที่รายได้ไม่สูง เหมาะกับการทำฆ่าเวลาช่วงว่าง ๆ หรือสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการรายได้เสริม อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกลงไปในรายละเอียด ข้อดีของงานพาร์ตไทม์กลับมีมากมายอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน บทความนี้จึงจะมาใส่แว่นขยายให้กับข้อดีของงานพาร์ตไทม์ให้ได้รู้กัน พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกงานแบบพาร์ตไทม์ที่ตอบโจทย์ จะมีอะไรบ้าง ติดตามกันได้เลยเปิดข้อดีของงานพาร์ตไทม์ เงินดี มี Work Life Balance!งานพาร์ตไทม์คืออะไร?งานแบบพาร์ตไทม์ หมายถึง การจ้างงานแบบไม่เต็มเวลา โดยกำหนดให้มีชั่วโมงการทำงานสูงสุดอยู่ที่ 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และอาจมีเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สวัสดิการ วันลา และชั่วโมงการปฏิบัติงาน ซึ่งลูกจ้างและนายจ้างจะต้องตกลงกันให้ดีก่อนเริ่มงาน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เกิดปัญหาภายหลัง ส่วนค่าจ้าง มักคิดเป็นรายชั่วโมงตามที่ปฏิบัติงานจริงงานประเภทนี้กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ปฏิบัติงานอยู่ที่ 15 ปีขึ้นไป และยินดีรับผู้สูงอายุวัยเกษียณแล้วเข้าทำงานด้วย โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นงานบริการ เช่น พนักงานขาย พนักงานเสิร์ฟ พนักงานประจำร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ จึงถือเป็นงานที่เหมาะกับทั้งวัยเรียน วัยทำงาน และวัยเกษียณที่ต้องการหารายได้เสริมเลยทีเดียวข้อดีของงานพาร์ตไทม์ที่หลายคนไม่เคยรู้ในมุมมองของหลายคน การทำงานแบบไม่เต็มเวลาหรือแบบพาร์ตไทม์นั้น มองผิวเผินอาจจะดูไม่มั่นคง รายได้แต่ละวันไม่แน่นอน แต่บอกเลยว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะงานประเภทนี้ยังมีข้อดีที่เหนือกว่างาน Full-Time หรืองานเต็มเวลาอยู่อีกหลากหลายประการ และนี่คือ 6 ข้อดีของการทำงานแบบพาร์ตไทม์ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน!มีความยืดหยุ่นสูงข้อดีแรกของการทำงานรูปแบบนี้คือ มีความยืดหยุ่นสูง คุณสามารถเลือกเวลาเข้า-ออกงานได้ตามสะดวกบนพื้นฐานข้อตกลงที่ทำไว้กับนายจ้าง จึงแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมอื่นหรือใช้เวลากับครอบครัวได้ และมีความกดดันน้อยกว่างาน Full-Timeสามารถทำหลายงานพร้อมกันได้เมื่อการทำงานแบบพาร์ตไทม์เริ่มต้นเพียง 3 ชั่วโมงต่อวัน หากคุณบริหารจัดการชั่วโมงการทำงานดี ๆ นั่นหมายความว่าคุณสามารถทำหลายงานไปพร้อม ๆ กัน เป็นการสร้างรายได้ในหลายช่องทาง รวมทั้งได้ฝึกทักษะการทำงานที่หลากหลายในเวลาเดียวกันด้วยสร้างประสบการณ์ก่อนเข้าสู่โลกการทำงานจริงสำหรับน้อง ๆ วัยเรียน การทำงานแบบพาร์ตไทม์ในร้านค้า ร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้า คือโอกาสดีที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ทำงานจริงก่อนก้าวเข้าสู่วัยทำงาน เป็นการเตรียมพร้อม Hard Skill และ Soft Skill ในการทำงานได้เป็นอย่างดีฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการทำงานการทำงานแบบพาร์ตไทม์จะช่วยสร้างทักษะที่จำเป็นในการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร ทักษะการคำนวณ ทักษะการใช้โปรแกรมขายหน้าร้าน หรือทักษะอื่น ๆ ซึ่งล้วนแต่นำไปต่อยอดในชีวิตการทำงานจริงได้ทั้งสิ้นเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมข้อดีของการทำงานแบบไม่เต็มเวลาคือ คุณสามารถทำเป็นงานเสริมได้โดยไม่กระทบงานประจำ หรืออยากหารายได้พิเศษระหว่างเรียนก็ทำได้เช่นกัน เพราะสามารถเลือกเวลาทำงานที่ไม่กระทบกับเวลาเรียนได้นั่นเองมี Work Life Balance มากกว่างาน Full-Timeปิดท้ายข้อดีของการทำงานแบบพาร์ตไทม์ด้วยเรื่อง Work Life Balance เพราะงานประเภทนี้มีความเครียดและความกดดันน้อยกว่า สามารถจบงานได้ในที่ทำงาน ไม่ต้องหอบความเครียดกลับบ้าน ทำให้คุณสามารถแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นได้ดีกว่างาน Full-Timeเลือกงานแบบพาร์ตไทม์อย่างไรให้ตอบโจทย์?สำหรับผู้ที่กำลังมองหางานแบบไม่เต็มเวลาเพื่อสร้างรายได้เสริมไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเองและครอบครัว ก่อนตัดสินใจเข้าทำงานที่ไหน อย่าลืมพิจารณาหลักเกณฑ์เหล่านี้ เพื่อให้ได้งานที่ตอบโจทย์สูงสุดนั่นเองค่าตอบแทนเป็นธรรม สมเหตุสมผล มีเงื่อนไขการจ่ายเงินที่ชัดเจนเลือกงานที่สามารถนำทักษะและประสบการณ์ไปต่อยอดในอนาคตได้ศึกษาข้อมูลบริษัทและพูดคุยทำความรู้จักกับนายจ้างจนแน่ใจว่าเชื่อถือได้ สามารถบริหารงานและดูแลพนักงานได้ดีมีสวัสดิการที่ยุติธรรม ทั้งเรื่องวันลา ประกันอุบัติเหตุ และสวัสดิการอื่น ๆเวลาปฏิบัติงานสอดคล้องกับเวลาว่าง ไม่ตรงกับเวลาเรียนหรือเวลาทำงานอื่นเมื่อได้รู้แล้วว่างานพาร์ตไทม์คืออะไร และข้อดีของงานพาร์ตไทม์มีอะไรบ้าง ก็ถึงเวลาลุยสมรภูมิการทำงานจริง โดยใครที่กำลังมองหางาน Part Time ที่ใช่ แนะนำให้สร้าง Resume ที่มีข้อมูลครบถ้วน เพื่อนำเสนอจุดแข็งและทักษะของคุณเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ HR ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง พร้อมมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทดียิ่งขึ้นก่อนสมัครงาน มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วถึง 4.7 ล้านคน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
อ่านต่อ
20828
เพิ่มโอกาสได้งานใหม่ ด้วยทริกการอัปเดตเรซูเม่
ทำงานไปสักพัก เชื่อว่าหลายคนต้องเริ่มมีความคิดที่จะเปลี่ยนงานด้วยหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความก้าวหน้าทางสายอาชีพ อยากมีรายได้เพิ่ม หรืออยากเรียนรู้ในสายงานใหม่ ๆ แต่ก่อนจะเปลี่ยนงานได้ คุณก็ต้องกลับไปสู่ขั้นตอนการยื่นเรซูเม่เพื่อสมัครงานอีกครั้ง ซึ่งการยื่นเรซูเม่ในครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเขียนใหม่เหมือนตอนสมัครงานครั้งแรก แต่จะเป็นการอัปเดตเรซูเม่รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ แทนแล้วถ้าหากคุณกำลังมีแผนจะอัปเดตเรซูเม่เพื่อยื่นสมัครงานที่ใหม่ จะมีวิธีการอัปเดตเรซูเม่อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อเพิ่มโอกาสได้งานตามที่ต้องการให้สูงขึ้น บทความนี้มีทริกดี ๆ ในการอัปเดตเรซูเม่มาฝากกันวิธีอัปเดต Resume ให้โดดเด่นเตะตา เพื่อคนหางานใหม่!เช็กสัญญาณ เมื่อไหร่ควรอัปเดตเรซูเม่เพื่อหางานใหม่?ก่อนจะไปดูวิธีอัปเดต Resume ให้ทรงพลัง สิ่งที่วัยทำงานทุกคนควรใส่ใจคือการหมั่นเช็กสัญญาณตัวเองอยู่เสมอว่าถึงเวลาต้องมองหางานใหม่แล้วหรือยัง ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในสายอาชีพก็มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน ดังนี้ไม่มีความสุขกับงานที่ทำเท่าเมื่อก่อนสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าคุณควรหางานใหม่โดยด่วน คือการไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นส่วนเนื้องาน องค์กร หรือเพื่อนร่วมงาน ไม่อยากตื่นไปทำงาน ไม่อยากทำงาน เห็นงานแล้วอยากเดินหนี หรือเครียดผิดปกติ นั่นอาจแปลว่าคุณกำลังมีอาการ Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน หากลองปรับพฤติกรรมแล้วไม่ดีขึ้น การเปลี่ยนงานอาจเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณตำแหน่งและเงินเดือนในที่ทำงานเดิมถึงทางตันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนส่วนใหญ่ย่อมมองหาการเติบโตในสายงาน ทั้งการเติบโตด้านตำแหน่งและเงินเดือน หากตำแหน่งในที่ทำงานเดิมเดินทางมาถึงทางตัน มองไม่เห็น Career Path หรือความก้าวหน้าในสายอาชีพ อัตราการปรับเงินเดือนไม่เป็นที่น่าพอใจ การย้ายไปอยู่ในองค์กรที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรับตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมและรายได้ที่มากขึ้น น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดอยากเรียนรู้งานในสายอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มเติมสุดท้าย สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานเดิมที่ทำอยู่ หรืออยากมองหาโอกาสในสายอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มเติม ก็แสดงว่าถึงเวลาที่คุณต้องให้ความสำคัญกับการอัปเดตเรซูเม่แล้วเช่นกัน ไม่แน่ว่าการย้ายงานครั้งนี้ อาจทำให้คุณเจองานที่ชอบและใช่ยิ่งกว่าเดิมก็ได้วิธีอัปเดต Resume ให้มีประสิทธิภาพสำหรับใครที่มั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังมองหางานใหม่อยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นการอัปเดตเรซูเม่อย่างไรดี เราแนะนำให้คุณนำเรซูเม่เดิมกลับมาอ่านทวนอีกครั้งแล้วอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ เข้าไปแทนที่จะเขียนขึ้นมาใหม่ เพราะจะช่วยประหยัดเวลาได้ดีกว่า และจะได้ปรับปรุงเรซูเม่ให้ดีขึ้นด้วย โดยสิ่งที่ควรทำหากอยากให้เรซูเม่ของคุณทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่อธิบายประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาให้ครบถ้วนหากคุณมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว ยิ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานใหม่ ยิ่งทำให้คุณได้เปรียบกว่าผู้สมัครคนอื่น ดังนั้น อย่าลืมอธิบายประสบการณ์การทำงานของคุณให้ละเอียด เช่น ชื่อองค์กร หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โปรเจกต์ที่ดูแล ผลงานที่ภาคภูมิใจ และระยะเวลาการทำงาน เพื่อให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจมากขึ้นอัปเดต Certificate ที่เกี่ยวข้องระหว่างการทำงาน การเรียนคอร์สต่าง ๆ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ก็เป็นเรื่องที่วัยทำงานขาดไม่ได้ หากคุณเคยเรียนคอร์สที่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องการสมัคร ควรอัปเดต Certificate รวมทั้งรางวัลที่ได้รับและการเข้าร่วมการแข่งขันต่าง ๆ เข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองนั่นเองอัปเดตทักษะใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการทำงานปฏิเสธไม่ได้ว่าในชีวิตการทำงาน เราได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ระบุให้ครบว่าคุณมีทักษะอะไรบ้างที่ได้จากการทำงาน โดยเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องการ สร้างความน่าสนใจและขายตัวเองให้ได้รับการพิจารณาจากผู้สัมภาษณ์ตรวจทานความเรียบร้อยอีกครั้งสุดท้ายคือการตรวจทานความเรียบร้อยของเรซูเม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสะกดคำ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การจัดลำดับข้อมูลตามปีที่เกิดขึ้น และการออกแบบให้อ่านง่ายขึ้น เพื่อให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่น สะดุดตา และเพิ่มโอกาสได้รับการคัดเลือกมาสัมภาษณ์จนได้รับเลือกเข้าทำงานในที่สุดมองหางานใหม่ในองค์กรที่ใช่ เพิ่มโอกาสได้งานด้วย Super Resumeอยากทํา Resume สมัครงานให้โดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่น สร้างความประทับใจให้ฝ่ายบุคคลและองค์กร ด้วยการอัปเดตเรซูเม่กับ Super Resume โดย JOBTOPGUN ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง นำเสนอจุดเด่นของคุณได้ครบถ้วน ใช้งานฟรีผ่านเว็บไซต์ ค้นหาตำแหน่งงานรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่สนใจได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20805
อัปเลเวล! 5 ทักษะการเป็นผู้จัดการ ต่อสายงานเพิ่มเงินเดือน!
สำหรับคนที่มี Career Path มุ่งสู่การเป็นผู้จัดการ สิ่งสำคัญที่สุดในระหว่างทางคือ "การเตรียมตัวให้พร้อม" เพื่อพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำให้เหมาะสมกับตำแหน่งงาน แต่คุณสมบัติของผู้จัดการจะต้องมีทักษะอะไรบ้างที่เหมาะสม ในบทความนี้เราได้ทำการรวบรวมมาให้แล้วคุณสมบัติของผู้จัดการ เรื่องควรรู้ก่อนเตรียมอัปเงินเดือน!เข้าใจขอบเขตงาน ตำแหน่ง “ผู้จัดการ” คือใคร?สำหรับอาชีพผู้จัดการ ถือเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการวางแผน ควบคุม กำกับ และดูแลการทำงานของผู้อื่น เพื่อให้ภาพรวมสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ โดยอาชีพผู้จัดการนี้สามารถทำงานในองค์กรทุกประเภท ตั้งแต่องค์กรขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นตำแหน่งที่มีในทุก ๆ สายงานอีกด้วยประเภทของผู้จัดการตำแหน่งผู้จัดการสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยประเภทของผู้จัดการที่พบทั่วไป ได้แก่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล (Human Resources Manager) มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านทรัพยากรบุคคล เช่น การสรรหาพนักงาน การจ้างงาน การพัฒนาพนักงาน การบริหารค่าตอบแทนผู้จัดการฝ่ายการตลาด (Marketing Manager) มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการตลาด เช่น การวางแผนกลยุทธ์การตลาด การวิจัยตลาด การสร้างแบรนด์ผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Manager) มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการขาย เช่น การวางแผนการขาย การจัดการทีมขาย และการพัฒนาแผนการขาย เพิ่มยอดและกำไรให้องค์กรผู้จัดการฝ่ายการผลิต (Production Manager) มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการผลิต เช่น วางแผนการผลิต ควบคุมคุณภาพ การจัดการคลังสินค้าผู้จัดการฝ่ายการเงิน (Financial Manager) มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการเงิน เช่น วางแผนการเงิน ควบคุมงบประมาณ การบัญชีผู้จัดการทั่วไป (General Manager) มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารองค์กรทั้งหมดการเตรียมตัวเปลี่ยนตำแหน่งสู่การเป็นผู้จัดการการจะตั้งเป้าหมายเพื่อขยับตำแหน่งของตัวเองขึ้นสู่การเป็นผู้จัดการนั้น ไม่ใช่แค่มองทักษะที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม แต่คุณสมบัติของผู้จัดการที่ดีจะต้องพร้อมตั้งแต่ความคิด ประสบการณ์ทำงาน ตลอดจน Hard Skills และ Soft Skills ที่เกี่ยวข้อง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณมีศักยภาพมากพอ ที่จะได้รับการโปรโมตหรือเปลี่ยนตำแหน่งงานที่ใหญ่กว่า เรามีวิธีเช็กเพื่อเตรียมตัวสู่การเป็นผู้จัดการที่สมบูรณ์แบบมาฝากแล้ว1. ประเมินจากการทำงานที่ผ่านมาย้อนตรวจสอบผลงานของตัวเองที่ผ่าน ๆ มา ทั้งในรูปแบบของงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน และกระบวนการที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางการทำงาน เช่น การประสานงานระหว่างแผนก การตัดสินใจและการแก้ปัญหา การสื่อสารระหว่างทีมและลูกค้า รวมไปถึงขั้นตอนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ก่อนจะนำมาวิเคราะห์ว่า ผลลัพธ์จากสิ่งที่เคยทำมา เป็นที่น่าพอใจมากน้อยแค่ไหน และเข้าเกณฑ์ที่มีคุณภาพมากพอหรือไม่ สำหรับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่ใหญ่ และต้องรับผิดชอบขอบเขตงานที่กว้างมากกว่าเดิม2. หาประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้คุณเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของผู้จัดการได้มากขึ้น ซึ่งคุณสามารถหาประสบการณ์เหล่านี้ได้จากงานในตำแหน่งที่รับผิดชอบ ยกตัวอย่างการรับหน้าที่ทำงานในโปรเจกต์ที่ต้องใช้ทักษะและความสามารถของผู้จัดการ เช่น โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โครงการขยายตลาด ที่ต้องใช้ทักษะการสื่อสาร การบริหารงาน และมอบหมายงานให้แก่คนในโปรเจกต์ไปทำต่อ เป็นต้น3. สร้างเครือข่ายให้แก่ตัวเองมุ่งหน้าพัฒนาทักษะและวิสัยทัศน์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าร่วมงานสัมมนาหรือการประชุมที่เกี่ยวข้องกับสายงาน เพื่อเพิ่มโอกาสพบปะกับบุคคลที่มีประสบการณ์ พร้อมรับข้อมูล รวมไปถึงคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้จัดการในสายงานที่เหมาะสม นอกจากนี้เครือข่ายสายงานยังมีประโยชน์เป็นอย่างมาก สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนบริษัทเพื่อการเติบโตในสายอาชีพอีกด้วย4. เรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเมื่อทำทั้งการประเมินตัวเอง หาประสบการณ์ทำงานเพื่อฝึกฝน ตลอดจนการเข้าหาผู้คนเพื่อสร้างเครือข่ายแล้ว สิ่งสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้ คือการนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยพบเจอ มาประกอบร่างและนำไปฝึกฝน พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาด และสร้างคุณสมบัติของการเป็นผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยการเรียนรู้ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ บทความ หรือแม้แต่การเข้าร่วมหลักสูตรอบรมนั่นเอง5 ทักษะการเป็นผู้จัดการที่ดี จดและจำ นำไปพัฒนาต่อ!• ทักษะสร้างความสัมพันธ์ (Interpersonal Skills)เพราะตำแหน่งผู้จัดการ ถือเป็นอาชีพที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มงานบริหารในระดับของผู้นำ ที่ต้องทำงานร่วมกับคนในทีม และพนักงานแผนกอื่นอีกมากมาย ส่งผลให้การพัฒนาทักษะสร้างความสัมพันธ์ กลายเป็นสกิลแรก ๆ ที่ต้องให้ความใส่ใจ โดยคุณสามารถเตรียมตัวง่าย ๆ จากการพาตัวเองไปคลุกคลีอยู่ในวงสังคมของทีม ทั้งเรื่องงานและนอกเวลางาน การทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการจัดเทรนนิ่ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในฐานะของคนที่กำลังเตรียมตัวจะก้าวสู่การเป็นผู้จัดการ แต่เป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคม ในส่วนนี้ก็อาจจะต้องพัฒนาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ในอนาคตสามารถเข้าถึงคนในทีมได้เป็นอย่างดีนั่นเอง• ทักษะการสื่อสารและจูงใจในการทำงาน (Communication and Motivation)ผู้จัดการที่ดีจะต้องสื่อสารเก่ง เพราะนี่จัดเป็นทักษะที่สำคัญมากในการทำงาน ซึ่งรวมตั้งแต่การพูด ฟัง อ่าน และเขียน โดยนอกจากจะต้องใช้ในการสื่อสารระหว่างคนในทีมแล้ว คุณยังต้องรับหน้าที่เป็นตัวกลางการสื่อสารและเชื่อมต่อระหว่างทีมของตัวเอง กับทีมอื่น ๆ รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงอีกด้วยนอกจากนี้ทักษะการสื่อสารยังมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ด้านการโน้มน้าวและสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดการทำงานที่ดี ต่อยอดจากสกิลการสร้างความสัมพันธ์ คือการเปิดกว้างและพร้อมพูดคุยกับทีมได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ลดระยะห่างทางการงาน เพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและบรรยากาศภายในทีมให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน• ทักษะการจัดการและมอบหมายงาน (Organisation & Delegation)ทักษะการจัดการและมอบหมายงาน ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะการเป็นผู้จัดการที่สำคัญ เพราะด้วยตำแหน่งที่ต้องบริหารงานและกำลังคน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทำให้ทักษะการบริหารเวลาเพียงอย่างเดียวไม่อาจเพียงพออีกต่อไป แต่คุณยังต้องสามารถจัดการและบริหารงาน เพื่อมอบหมายให้แก่คนที่มีศักยภาพเหมาะสม เพื่อให้ฟันเฟืองสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด จนนำไปสู่ความสำเร็จของทีมที่สร้างความพอใจให้แก่องค์กร• ทักษะการวางแผนงานและคิดเชิงกลยุทธ์ (Forward Planning and Strategic Thinking)การบริหารจัดการและมอบหมายงาน จะไม่สำเร็จได้อย่างเต็มที่หากผู้ดำรงตำแหน่งขาด “ทักษะการวางแผนงานและคิดเชิงกลยุทธ์” สกิลสำคัญที่ทำให้คุณสามารถมองภาพใหญ่ได้อย่างรอบด้านและทะลุปรุโปร่ง ผ่านการโฟกัสที่ตรงจุด เพื่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Put the right man at the right place. จากการบริหารคนตามกลยุทธ์ที่เหมาะสม เร่งประสิทธิภาพการทำงาน เวลา และผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งในระยะยาวก็จะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนและเพิ่มกำไรจากผลประกอบการที่มากขึ้นได้อีกด้วย• ทักษะการแก้ปัญหา และการตัดสินใจ (Problem Solving and Decision Making)ทักษะการเป็นผู้จัดการที่ดีที่ขาดไปไม่ได้คือ การแก้ปัญหาและตัดสินใจที่เฉียบแหลม ภายใต้ระบบความคิดที่เป็นขั้นเป็นตอน สามารถจัดการได้อย่างเฉลียวฉลาด แยกแยะงานและอารมณ์ออกจากกันได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อทีม และความสัมพันธ์ภายในองค์กร จนนำไปสู่ประสิทธิผลคุณภาพมากมายที่บรรลุได้ตามเป้าหมายของบริษัทเป็นหลักนั่นเองเริ่มต้นพัฒนาทักษะเพื่อการเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบกันไปแล้ว หากวันนี้คุณมั่นใจในศักยภาพที่เพียบพร้อม และอยากจะมองหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมในบริษัทที่ต้องการ ให้ JOBTOPGUN เว็บสมัครงานสำหรับคนรุ่นใหม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของคุณได้แล้ววันนี้ พร้อมช่วยสนับสนุนด้วยฟีเจอร์การหางาน ตอบสนองความต้องการที่จะสมัครงานตำแหน่ง Manager ดี ๆ ด้วย Super Resume ที่ได้รับการยอมรับจากกว่า 30,000 บริษัทชั้นนำ ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างความประทับใจแก่ HR ให้คุณโดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่น ใช้งานสะดวกผ่านเว็บไซต์และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20792
รู้จัก Entry-Level Job คืออะไร มีดีต่อเด็กจบใหม่อย่างไร?
ถึงแม้จะมีตำแหน่งงานว่างอยู่เต็มท้องตลาด แต่การจะหางานให้ได้สำหรับบรรดาเด็กจบใหม่นั้น กลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในประกาศรับสมัครงานที่มีอยู่มากมาย ตรงข้อคุณสมบัติผู้สมัครมักจะมีประโยคหนึ่งปรากฏอยู่เสมอ “ต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 1-2 ปี” เห็นแบบนี้บัณฑิตป้ายแดงจากรั้วมหาวิทยาลัยก็ได้แต่เกาหัวแกรก ๆ พลางนึกในใจว่าแล้วจะไปหาประสบการณ์มาจากไหน อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้อาจถูกคลี่คลายลงบ้างด้วยสิ่งที่เรียกว่า “Entry Level”Entry Level หรือ Entry-Level Job คืออะไร แล้วสิ่งนี้ช่วยเด็กจบใหม่ให้หางานง่ายขึ้นได้อย่างไร บทความนี้จะมาตอบคำถามดังกล่าว พร้อมอีกหลายสิ่งที่ควรรู้ก่อนยื่นสมัครงานในตำแหน่งนี้Entry Level คืออะไร ช่วยให้เด็กจบใหม่หางานง่ายขึ้นยังไง?Entry-Level Job คืออะไรEntry-Level Job คือตำแหน่งงานที่มีจุดเริ่มต้นจากช่วงทศวรรษ 1950 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จบลง เศรษฐกิจของโลกเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น หลายบริษัทจึงเปิดรับสมัครงานระดับเริ่มต้นสำหรับผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน เพื่อให้แรงงานถูกป้อนเข้าสู่ตลาดมากขึ้น สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในตอนนั้นจากทศวรรษ 1950 สู่ปัจจุบัน เป็นเวลามากกว่า 70 ปีแล้วที่คอนเซปต์ Entry Level คือสิ่งที่อยู่คู่กับกระแสการขับเคลื่อนของแรงงาน ถึงแม้จุดประสงค์จะแตกต่างกันไปตามยุคสมัย จากที่ต้องการฟื้นสภาพเศรษฐกิจโดยเร็ว กลายเป็นการที่บริษัทต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะด้านสูง แต่หากจ้างผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดประสบการณ์ ก็อาจจะต้องจ่ายค่าจ้างแพงกว่างบประมาณที่มีดังนั้น Entry-Level Job คือ ระดับงานสำหรับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน แต่สามารถพิสูจน์ให้ผู้จ้างเชื่อได้ว่ามีทักษะความสามารถที่เพียงพอกับตำแหน่งนั้นจริง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานและนโยบายของแต่ละบริษัท โดย Entry-Level Job มักจะมีรูปแบบการทำงานทั้งแบบ Part-time และ Full-timeคุณสมบัติที่สำคัญของผู้สมัครงาน Entry-Level Jobวุฒิการศึกษา: โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะต้องการผู้สมัครที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่า ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานและนโยบายของแต่ละบริษัททักษะและความสามารถที่เกี่ยวข้องกับงาน: ผู้สมัครควรมีทักษะความสามารถที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงานนั้น ๆทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน: ผู้สมัครควรมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน เช่น กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ อดทน ขยัน ซื่อสัตย์ เป็นต้นความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ: การทำงานในระดับ Entry Level คือการทำงานที่มักจะได้รับมอบหมายใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นผู้สมัครควรมีความสามารถในการปรับตัวและพร้อมต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วสิ่งที่จะได้รับจากงาน Entry-Level Jobโอกาสในการเริ่มต้นการทำงานและสะสมประสบการณ์: งาน Entry-Level Job คือจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการทำงาน โดยผู้สมัครงานสามารถเรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำงานในสายอาชีพนั้น ๆ ซึ่งจะนำไปต่อยอดในอนาคตได้โอกาสในการพัฒนาทักษะและความสามารถ: เรียกได้ว่า Entry-Level Job คือโอกาสในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในสายอาชีพนั้น ๆ เนื่องจากผู้สมัครงานสามารถเรียนรู้ได้จากการทำงานจริงเริ่มต้นทำงานในสายงานที่สนใจได้: งาน Entry-Level Job ช่วยให้ผู้สมัครงานสามารถเริ่มต้นทำงานในสายงานที่สนใจได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานจริงมาก่อนก็ตามสามารถก้าวหน้าไปสู่ตำแหน่งงานในระดับที่สูงขึ้นได้: ถึงแม้งาน Entry-Level Job จะเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ขององค์กร แต่หากตั้งใจทำงาน และแสดงศักยภาพให้หัวหน้าได้เห็น ก็มีโอกาสในการก้าวหน้าไปสู่ตำแหน่งงานในระดับที่สูงขึ้นได้เช่นกันในปัจจุบัน Entry-Level Job ยังคงเป็นตำแหน่งงานที่สำคัญสำหรับหลายบริษัท โดยเป็นช่องทางในการคัดเลือกและฝึกฝนบุคลากรรุ่นใหม่ และแนวโน้มของ Entry-Level Job ในอนาคตคาดว่าจะยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงาน โดยจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะและความสามารถที่จำเป็นสำหรับการทำงานในยุคดิจิทัลสมัครงาน Entry-Level Job จากหลายบริษัทชั้นนำได้ที่ JOBTOPGUNหลังจากที่อ่านจบ หากคิดว่า Entry-Level Job คือประเภทงานที่เหมาะกับตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปยื่นสมัครที่ไหนดี แนะนำให้สร้าง Resume ที่มีข้อมูลครบถ้วน นำเสนอจุดแข็งและทักษะของคุณเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ HR ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมัครงานพาร์ตไทม์ งาน Entry Level งานเต็มเวลา หรือหางานพิเศษ พร้อมมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทดียิ่งขึ้นก่อนสมัครงาน มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วถึง 4.7 ล้านคน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
อ่านต่อ
20743
วิธีเพิ่มเงินเดือนเมื่อสมัครงานใหม่ อัปสกิลอย่างไรให้สมหวัง!
ในปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน ส่งผลให้เมื่อทำงานไปสักพักหลายคนก็อาจต้องการขยับขยายเพื่อเพิ่มฐานเงินเดือนให้ก้าวหน้าเข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้มากขึ้น แต่การขอเพิ่มเงินเดือนในจำนวนที่ต้องการกับที่ทำงานเดิมอาจเป็นเรื่องยาก เพราะต้องรอผ่านการประเมินหรือรีวิวตามกระบวนการที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างเงินเดือน หรืออัตราการเพิ่มเงินเดือนเพียงปีละไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น การเปลี่ยนงานจึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการอัปเงินเดือนของใครหลายคน แต่การจะเปลี่ยนงานให้ได้เงินดีอย่างที่หวังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอัตราการหางานที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ ด้วยเหตุนี้ การเตรียมตัวอัปสกิลให้พร้อมก่อนเริ่มต้นหางานใหม่ก็เป็นอีกวิธีเพิ่มเงินเดือนที่ได้ผลไม่น้อย เราจึงจะพามาเจาะเคล็ดลับการอัปเงินเดือนให้ได้เงินดี งานปัง มาฝากกันที่บทความนี้เจาะเคล็ดลับการอัปเงินเดือนให้ได้เงินดี ตำแหน่งหน้าที่ปัง!เคล็ดลับวิธีเพิ่มเงินเดือนให้ก้าวกระโดดสะสมประสบการณ์ พัฒนาทักษะที่จำเป็นประสบการณ์ในการทำงานถือว่าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่บริษัทหลายแห่งต้องการ โดยเฉพาะเมื่อต้องเปลี่ยนงาน เพราะประสบการณ์จะบ่งบอกถึงความชำนาญและศักยภาพในสายงาน ทำให้บริษัทไม่ต้องเสียเวลาเทรนนิ่ง ซึ่งนอกจากประสบการณ์แล้ว อีกสิ่งที่จำเป็นต่อการอัปเงินเดือนด้วยการสมัครงานใหม่ คือการมีทักษะที่จำเป็นต่อสายงาน ยิ่งหากเคยทำงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง หรือมีเนื้องานคล้ายกัน และสามารถบอกเล่าถึงทักษะที่จำเป็นต่อตำแหน่งที่รับผิดชอบได้ ก็จะยิ่งทำให้บริษัทใหม่เห็นศักยภาพในตัวคุณได้มากขึ้นเพิ่มทักษะด้าน Soft Skillsในปัจจุบันหลายบริษัทต่างให้ความสำคัญกับทักษะด้าน Soft Skills ในการทำงานมากขึ้น เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อสมัครงานใหม่และอาจต้องเจอกับสังคมการทำงานที่ไม่คุ้นเคย การมี Soft Skills ที่สามารถช่วยให้เอาตัวรอดได้จึงยิ่งสำคัญมากขึ้น ซึ่ง Soft Skills สามารถสังเกตได้จากทัศนคติและวิธีสื่อสารในการสัมภาษณ์ ยิ่งคุณสามารถแสดงทักษะด้าน Soft Skills ที่บริษัท หรือหัวหน้างาน กำลังมองหาได้มากเท่าไร ก็ยิ่งจะเสริมโอกาสการอัปเงินเดือนด้วยการสมัครงานใหม่ได้ง่ายขึ้นเข้าร่วมอบรม หรือสัมมนาแม้ประสบการณ์และทักษะพื้นฐานจากการทำงานจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การพยายามหาเวลาไปต่อยอดความรู้ด้วยการเข้าคอร์สอบรมหรือสัมมนา ในวิชาหรือสาขาที่มีความเกี่ยวข้อง จะทำให้บริษัทมองเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาของคุณมากขึ้น อีกทั้งการเข้าร่วมคอร์สยังมีใบรับรองที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการเปลี่ยนสายไปยังตำแหน่งงานที่แตกต่างจากเดิม การเข้าร่วมอบรมหรือสัมมนาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้โปรไฟล์ได้เป็นอย่างดีมีส่วนร่วมกับผลงาน หรือโปรเจกต์ที่น่าสนใจแน่นอนว่าแฟ้มสะสมผลงาน หรือ Portfolio ย่อมเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นผลงานรูปธรรมที่สามารถเห็นศักยภาพของคุณได้มากที่สุด ในระหว่างที่ทำงานจึงควรพยายามสร้างความมีส่วนร่วม หรือแสดงถึงความรับผิดชอบต่อโปรเจกต์ใหญ่ที่น่าสนใจ เพื่อเป็นการเก็บ Portfolio ให้บริษัทใหม่ได้เห็นตอนสัมภาษณ์งาน ยิ่งเป็นผลงานที่น่าสนใจและมีความยากเท่าไร ยิ่งช่วยส่งเสริมให้สามารถเรียกเงินเดือนได้มากขึ้นปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในการอัปเงินเดือนถึงแม้ว่าคุณจะมีสกิลที่พร้อมต่อการสมัครงานใหม่เพื่อการอัปเงินเดือนแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือ จะอัปเงินเดือนแค่ไหนถึงเรียกว่าเหมาะกับความต้องการมากที่สุด โดยต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ศึกษาจากเรตเงินเดือนพื้นฐาน ด้วยการตรวจสอบตลาดงานในตำแหน่งเดียวกันนี้ว่ามีเงินเดือนเฉลี่ยที่เท่าไรในตลาดปัจจุบัน และนำมาคำนวณเป็นฐานเงินเดือนที่ต้องการ โดยไม่ให้สูงโดดจนไม่มีบริษัทสนใจ หรือน้อยเกินไปจนไม่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถคำนวณค่าเดินทาง อาหาร ที่พัก แน่นอนว่าการย้ายงานย่อมส่งผลต่อการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเมื่องานใหม่อยู่ในสถานที่ที่ต่างออกไป จึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นให้ดี เพราะถึงแม้จะได้เงินเดือนมากกว่า แต่เมื่อนำมาคำนวณร่วมกับค่าใช้จ่ายประจำวันที่มากขึ้นก็อาจเป็นการอัปเงินเดือนที่ไม่คุ้มค่าพิจารณาประกอบกับสวัสดิการ นอกจากเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว สิ่งต่อไปที่ควรนำมาพิจารณาร่วมคือ สวัสดิการที่จะได้รับ เช่น วันหยุด ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลจากกลุ่มประกันที่ดูแลอย่างครอบคลุม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือเงินเก็บของเราเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันคำนวณร่วมกับโบนัส บางคนอาจเลือกย้ายงานไปที่ที่ให้โบนัสดีแต่เงินเดือนน้อย ซึ่งสิ่งนี้เป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาว่า เมื่อนำโบนัสมาคำนวณร่วมและเฉลี่ยรายเดือน เงินที่ได้จะเพิ่มขึ้นมากน้อยอย่างไรบ้างคำนึงถึงเวลา ซึ่งเวลาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เวลาในการทำงาน แต่ควรพิจารณาร่วมกับเวลาทั้งหมดที่เสียไป ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดที่ได้รับ เวลาในการเดินทางไปทำงาน หรือเวลาที่อาจต้องทำงานเพิ่มเติมว่า คุ้มค่ากับเงินเดือนที่จะได้รับเพิ่มขึ้นหรือไม่มองหาการอัปเงินเดือนเพื่อก้าวสู่อาชีพในฝัน ค้นหาตำแหน่งงานในบริษัทที่ใช่ พร้อมได้เงินเดือนที่ชอบ กับการหางานวุฒิป.ตรี ในทุกสาขา ทุกสายอาชีพ โดยที่ยังคงมีเวลาหยุดเสาร์-อาทิตย์ ได้ที่ JOBTOPGUN แอปหางานที่อัปเดตใหม่ทุกวัน พร้อมดูแลให้คุณได้งานง่าย ด้วย Super Resume ที่ได้รับการยอมรับจากกว่า 30,000 บริษัทชั้นนำ ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างความประทับใจแก่ HR ให้คุณโดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่น ใช้งานสะดวกผ่านเว็บไซต์และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20728
เจาะลึกการสร้าง Employer Branding เพื่อยกระดับองค์กร!
ถึงแม้หลายคนอาจจะไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้เทรนด์ที่เรียกว่า “Employer Branding” ก็เข้ามาสู่องค์กรต่าง ๆ ในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถ้าหากอยากยกระดับองค์กรไปข้างหน้า รวมถึงเฟ้นหาบุคลากรที่จะมาร่วมงานได้อย่างตรงจุด Employer Branding คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาไล่เลียงอธิบายแบบครบถ้วนว่า Employer Branding คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร วิธีการสร้าง ไปจนถึงยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ติดตามได้เลยEmployer Branding คืออะไร และทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องรู้?Employer Branding คืออะไร?อธิบายให้เข้าใจโดยง่าย Employer Branding คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรในสายตาของพนักงานและผู้ที่สนใจจะทำงานกับองค์กร เพื่อสร้างความเข้าใจและรับรู้ถึงคุณค่าของวัฒนธรรมองค์กร โดยมีจุดประสงค์หลัก 2 ประการคือ ดึงดูดบุคลากรเก่ง ๆ ให้อยากมาร่วมงานกับองค์กร ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาพนักงานที่มีความสามารถสูงให้อยู่กับองค์กรไปยาวนาน ป้องกันสภาวะที่เรียกกันว่า “สมองไหล”ด้วยเหตุนี้ องค์กรไหนที่ Employer Branding ไม่แข็งแรง สามารถสังเกตได้จากยอด Turn Over หรืออัตราการลาออกของพนักงานที่สูง ซึ่งนอกจากจะต้องเสียเวลาเฟ้นหาพนักงานใหม่เรื่อย ๆ แล้ว ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่องค์กร ทำให้บุคลากรเก่ง ๆ ไม่อยากร่วมงานด้วยประโยชน์ของ Employer Brandingดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถ: องค์กรไหนมี Employer Branding ที่แข็งแรง ก็จะส่งผลต่อการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถมาร่วมงานด้วยได้ ทั้งในเชิงทักษะและทัศนคติรักษาพนักงานไว้กับองค์กร: การสร้าง Employer Branding ช่วยให้พนักงานเกิดความผูกพันกับองค์กร และอยากทำงานต่อไป ส่งผลให้พนักงานมีอัตราการลาออกหรือยอด Turn Over ที่ลดลงสร้างแรงจูงใจในการทำงาน: เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้เกลียดการทำงานหนัก แต่พวกเขาเกลียดการทำงานหนักแล้วไม่ได้รับผลตอบแทนที่ยุติธรรม ดังนั้น หากองค์กรไหนมีการสร้าง Employer Branding ที่ดี สิ่งนี้ก็จะช่วยให้พนักงานรู้สึกได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งยังภาคภูมิใจที่ได้ทำงานกับองค์กร ส่งผลให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้นลดต้นทุนการสรรหาและคัดเลือกพนักงาน: Employer Branding ช่วยให้องค์กรสามารถดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสรรหาและคัดเลือกพนักงานเป็นจำนวนมากองค์ประกอบของ Employer BrandingEmployer Value Proposition (EVP): สิ่งนี้หมายถึงคุณค่าที่องค์กรมอบให้แก่พนักงาน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบตัวเงิน สวัสดิการ หรือผลตอบแทนอื่น ๆ ซึ่งถ้าหากพนักงานรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับนั้นเป็นธรรม ก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า และอยากทำงานกับองค์กรต่อไปEmployee Experience (EX): ประสบการณ์ของพนักงานในการทำงานคือองค์ประกอบที่สำคัญเช่นกันสำหรับการสร้าง Employer Branding โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ Work Life Balance คือเทรนด์ของโลก ทุกคนต่างอยากให้ที่ทำงานคือสถานที่ที่อยู่แล้วมีความสุข ไม่ใช่แค่การก้มหน้าทำงานแลกเงินเดือนเพียงอย่างเดียว เป็นสิ่งที่พนักงานสัมผัสได้จากการทำงานในองค์กรEmployer Communications (EC): ความหมายขององค์ประกอบข้อนี้คือ การสื่อสารเกี่ยวกับภาพลักษณ์ขององค์กร โดยสื่อสารออกไปถึงพนักงานและผู้ที่สนใจจะทำงานกับองค์กรตัวอย่างการสร้าง Employer Branding ของแบรนด์ชั้นนำแบรนด์สัญชาติไทย: The Standardหนึ่งในตัวอย่างการสร้าง Employer Branding ของแบรนด์สัญชาติไทยที่ชัดเจนและยอดเยี่ยมที่สุดคงต้องยกให้กับ The Standard องค์กรที่ดำเนินธุรกิจสื่อสารมวลชนที่เริ่มต้นจากพนักงานเพียงไม่กี่คน แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมา The Standard กลับติดอยู่ในลิสต์ 50 บริษัทในไทยที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากThe Standard ทำได้อย่างไร? คำตอบของทุกคำถามรวมอยู่ในคลิปวิดีโอ “เยือนออฟฟิศ The Standard” ในช่อง YouTube GoodDayOfficial หมดแล้ว โดยคุณนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ผู้บริหาร The Standard ได้อธิบายถึงการสร้าง Employer Branding ไว้อย่างน่าสนใจ โดยสามารถสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้สร้างภาพลักษณ์ของ The Standard ให้เป็นเหมือนตัวแทนสำนักข่าวของคนรุ่นใหม่ให้อิสระในการทำงานแก่พนักงาน โดยสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ตกแต่งออฟฟิศด้วยโทนสวยงาม สบายตา สร้างประสบการณ์ให้พนักงานรู้สึกว่ามาพักผ่อนมากกว่าทำงานให้ผลตอบแทน สวัสดิการ อย่างเป็นธรรมพัฒนาทักษะพนักงาน ให้สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคตแบรนด์ระดับโลก: Netflixการที่ไม่ว่าใครก็อยากทำงานกับ Netflix ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการสร้าง Employer Branding ที่ยอดเยี่ยม โดยบริษัทมีวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความยืดหยุ่นและความรับผิดชอบส่วนบุคคล พนักงานของ Netflix สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ในโลก ตราบใดที่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นได้นอกจากนั้น Netflix ได้สื่อสาร Employer Branding ของบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ นำเสนอว่าที่นี่คือบริษัทในฝันสำหรับคนรุ่นใหม่ มีโอกาสได้ปลดปล่อยไอเดียที่พุ่งกระฉูด ในขณะเดียวกันก็ได้รับค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล รวมถึงสวัสดิการที่ยอดเยี่ยมสร้าง Employer Branding พร้อมหาพนักงานตรงตามต้องการได้ที่ JOBTOPGUNเมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า Employer Branding คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับองค์กร ซึ่งนอกจากการสร้าง Employer Branding แล้ว บริษัทต่าง ๆ สามารถเฟ้นหาพนักงานที่มีทักษะ เป้าหมาย และไลฟ์สไตล์ตรงตามความต้องการด้วยการประกาศรับสมัครงานที่ JOBTOPGUN เรามีฐานข้อมูลผู้หางานกว่า 4,847,000 คน แบ่งตามแต่ละประเภท มั่นใจ! ‘หาคนทำงาน’ แบบที่คุณต้องการได้ง่าย ๆ ครบทุกพื้นที่ ทุกสายอาชีพ ทุกระดับการศึกษา ทุกประสบการณ์ได้ทันที เจาะ Database ของผู้สมัครกว่า 4.8 ล้านคนด้วย ‘Keyword Technology’ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
อ่านต่อ
20709
รวม 10 ทักษะการทำงานในองค์กรที่คนรุ่นใหม่ต้องมี
การทำงานในองค์กรนั้นแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลาย ๆ คน และเพื่อให้คุณสามารถทำงานและเติบโตในองค์กรได้อย่างดี การมีทักษะในการทำงานที่จำเป็นจึงสำคัญมาก หากอยากรู้ว่ามีทักษะการทำงานใดบ้างที่จำเป็นต่อคนรุ่นใหม่ บทความนี้มีคำตอบมาให้แล้วรวม 10 ทักษะในการทำงานที่สำคัญสำหรับคนยุคใหม่10 ทักษะการทำงานในองค์กรที่คนรุ่นใหม่ต้องมี1. Communication SkillsCommunication skills หรือทักษะการสื่อสารนั้นเป็นทักษะการทำงานในองค์กรที่สำคัญมาก ๆ ไม่ใช่เพียงแค่กับคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังสำคัญกับคนทุกรุ่น ทุกวัยในองค์กร โดยทักษะการสื่อสารนั้นรวมถึงทักษะการสื่อสารด้วยการพูด และการเขียน ซึ่งทักษะการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นได้ง่าย ลดความบาดหมาง และการเข้าใจผิดในการทำงาน รวมถึงช่วยให้นำเสนอผลงานได้อย่างน่าประทับใจ น่าเชื่อถือ และน่าเคารพอีกด้วย2. Problem-solving SkillsProblem-solving Skills หรือทักษะการแก้ปัญหา หมายถึง ทักษะในการสังเกตเห็น และคาดการณ์ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น วิเคราะห์สาเหตุของปัญหา และหาแนวทางแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานทุกรูปแบบ โดยผู้ที่มีทักษะการแก้ไขปัญหาที่ดีจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รับมือกับปัญหาได้ดี และสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว3. Teamwork and Collaboration Skillsทักษะการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกันในทีม (Teamwork) หรือการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยทั่วไป (Collaboration) เป็นทักษะการทำงานในองค์กรที่คนรุ่นใหม่ควรให้ความสำคัญ เพราะมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพ และความราบรื่นในการทำงาน โดยการมีทักษะการทำงานร่วมกันที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถประสานงานกับผู้ร่วมงานได้อย่างไร้ปัญหา แชร์ไอเดีย และหาทางออกร่วมกันเพื่อเป้าหมายร่วมกันได้เป็นอย่างดี4. Leadership SkillsLeadership Skills หรือทักษะความเป็นผู้นำที่ดี เป็นทักษะที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จ และความเติบโตในสายอาชีพได้ โดยทักษะนี้จะรวมถึงการวางแผน จัดการงานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดตามทรัพยากร และแรงงานที่มีอยู่ เพื่อให้ทีมสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและน่าพึงพอใจ รวมถึงการช่วยให้กำลังใจ สร้างแรงผลักดัน และกระตุ้นให้คนในทีมทำงานร่วมกันอย่างสามัคคีและมีประสิทธิภาพด้วย5. Adaptability SkillsAdaptability Skills หรือทักษะการปรับตัว เป็นอีกหนึ่งทักษะการทำงานในองค์กรที่จำเป็นมากในการทำงานยุคนี้ โดยที่ทักษะนี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม และรวดเร็ว เพื่อให้รับมือกับเหตุการณ์ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้โดยเกิดผลกระทบต่องานน้อยที่สุด อีกทั้งยังมีประโยชน์มากต่อการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนตำแหน่งเพราะจะช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ และหน้าที่ใหม่ได้รวดเร็ว6. Social Intelligence and Networking SkillsSocial intelligence and Networking Skills หมายถึง ทักษะทางสังคม และการสร้างเครือข่ายคอนเนคชันให้กับตัวเอง มีความสำคัญมาก ๆ ต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น และการขยายโอกาสในการทำงานให้กับตัวเอง7. Growth Mindsetอีกหนึ่งสิ่งที่คนรุ่นใหม่จะขาดไม่ได้เลย และช่วยให้คุณสามารถเติบโตในอาชีพการงานได้ก็คือ การมีทัศนคติแบบ Growth Mindset หรือทัศนคติที่เชื่อว่าความสามารถของคนเราสามารถพัฒนาได้เสมอ หากเราพยายามฝึกฝน และพัฒนาตัวเองเป็นประจำ8. Data Analyzing Skillsยุคปัจจุบันนี้ เป็นยุคของข้อมูล ไม่ว่าการตัดสินใจทำสิ่งใดก็ควรมีข้อมูล มีสถิติต่าง ๆ มารองรับเสมอ ดังนั้นทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลจึงเป็นทักษะในการทำงานที่คนรุ่นใหม่ต้องมี โดยทักษะนี้จะรวมถึงการรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และประกอบการตัดสินใจได้อย่างมีวิจารณญาณมากที่สุด9. Presentation Skillsไม่ใช่แค่ทักษะการวิเคราะห์เท่านั้นที่สำคัญ เพราะทักษะการนำเสนอข้อมูลเองก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยผู้มีทักษะการนำเสนอดี ถ่ายทอดข้อมูล ความคิด และความคิดเห็นของตนได้อย่างมีชัดเจน และมีประสิทธิภาพจะสามารถโน้มน้าวใจ และสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังได้ ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการนำเสนอได้ไม่ยาก10. Technology Literacy Skillsทักษะการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เทคโนโลยีในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และการอัปเดตของเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาช่วยในการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้นทั้ง 10 ทักษะนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คนรุ่นใหม่ควรต้องมี เพราะเป็นทักษะในการทำงานที่สำคัญในยุคศตวรรษที่ 21 และจะช่วยให้คุณเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าขององค์กร และเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน โดยสำหรับใครที่กำลังหางานใหม่ในบริษัทระดับองค์กรต่าง ๆ เข้ามาดูงานได้ที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มสำหรับคนหางานทำ ที่มีงานอัปเดตทุกวัน พร้อมมีรีวิวบริษัทให้อ่าน และสร้างเรซูเม่ของคุณด้วย Super Resume ที่จะทำให้คุณสมบัติและประวัติการทำงานของคุณโดดเด่นกว่าใครได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้งระบบ iOS และ Android หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20680
พัฒนาทักษะ ปั้นนักขายมือทอง! ด้วยการทำ Sales Training
ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือดมากขึ้น ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คู่แข่งที่กำลังมองหาลูกค้ากลุ่มเดียวกัน 'เซลล์ขายของ' จึงกลายเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสามารถช่วยเพิ่มยอดขาย รายได้ และกำไร ทำให้องค์กรเติบโตได้มากขึ้น การมีพนักงานขายที่มีความรู้ความสามารถครบถ้วนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งหลายองค์กรอาจมองข้ามความสำคัญส่วนนี้ไป วันนี้เราจึงจะพามารู้จักการทำ Sales Training ที่ช่วยพัฒนาทักษะพนักงานขายว่าคืออะไร ทำไมถึงควรมีในทุกองค์กรเสริมทักษะเพิ่มยอดขายด้วยการทำ Sales Training อย่างมืออาชีพ!การทำ Sales Training คืออะไรSales Training คือ การฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ด้านการขายที่จำเป็น ให้สามารถขายสินค้าหรือบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยครอบคลุมเนื้อหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะพื้นฐานด้านการขาย เช่น การนำเสนอ การปิดการขาย การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้นทำไมการทำ Sales Training ถึงสำคัญเพิ่มยอดขายให้เติบโตบางครั้งการมีสินค้าที่ดีอาจไม่เพียงพอ เพราะลูกค้าอาจมีคำถามอีกมากมายที่ทำให้ลังเลในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งโดยปกติแล้วหากเซลล์ขายยังไม่มีประสบการณ์ก็อาจยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะโน้มน้าวดึงดูดใจจนปิดการขายได้สำเร็จ ดังนั้น การทำ Sales Training จะช่วยเสริมทักษะการขายที่จำเป็น เช่น การตอบคำถาม การนำเสนอสินค้า รวมถึงการปิดดีล ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างเป็นมืออาชีพปรับปรุงประสิทธิภาพการขายการฝึกอบรมสามารถช่วยให้เซลล์ขายมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการมากขึ้น รวมถึงสามารถช่วยเสริมทักษะกลยุทธ์การขาย ซึ่งจะมาช่วยเสริมสิ่งที่ขาดไปของพนักงานขายแต่ละคน เช่น การคิดวิเคราะห์ บุคลิกภาพ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นสร้างความประทับใจให้ลูกค้าในบางครั้งแม้พนักงานจะมีทักษะในการพูดนำเสนอสินค้า แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การทำ Sales Training จึงสามารถช่วยพัฒนาทักษะในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ทำให้อยากกลับมาซื้อซ้ำนั่นเองเคล็ดลับความสำเร็จของการทำ Sales Trainingผู้เทรนมีความชำนาญในด้านการขายผู้เทรนที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการขายโดยตรง จะสามารถช่วยเสริมทักษะได้อย่างถูกต้อง และสามารถชี้แนะแนวทางโดยยกตัวอย่างการเกิดปัญหาหน้างานได้จากประสบการณ์จริงให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายตามปกติแล้วเซลล์ขายของมักให้ความสำคัญกับการทำยอดจนในบางครั้งอาจลืมสนใจกลุ่มเป้าหมาย การทำ Sales Training จึงสามารถช่วยให้นักขายให้ความสำคัญกับ Customer Journey มากขึ้น เพื่อให้รู้ว่าควรปฏิบัติต่อลูกค้าแบบไหนให้ดูใส่ใจข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วนการจะเป็นนักขายที่ดีได้นั้น นอกจากทักษะความสามารถที่จำเป็นในการขายแล้ว ข้อมูลผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการขายมากเช่นกัน เพราะหากเซลล์ขายไม่มีข้อมูลที่สามารถตอบคำถามของลูกค้าได้ ก็อาจทำให้ไม่สามารถปิดยอดขายได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การทำ Sales Training จึงควรมีข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำการขายอย่างครบถ้วนอยู่ด้วยกระบวนการขายที่มีมาตรฐานเซลล์ขายของแต่ละคนล้วนมีทักษะพื้นฐานที่แตกต่างกัน การฝึกอบรมจะช่วยปรับปรุงให้ทุกคนมีบรรทัดฐานในการขายสินค้าอย่างเท่าเทียมกัน จึงสามารถทำงานแทนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทีมบางคนมีความคิดว่าทีมขายควรแข่งขันกันทำยอดเพียงอย่างเดียว แต่การทำ Sales Training จะทำให้แต่ละคนได้พูดคุยและสร้างสัมพันธ์กันมากขึ้น สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันเมื่อเกิดปัญหาในทีมนอกจาก Sales Training ที่องค์กรจัดอบรมขึ้นเพื่อเสริมประสิทธิภาพการขายให้พนักงาน แต่หากอยากเตรียมตัวเป็นเซลล์มืออาชีพด้วยตัวเอง ก็สามารถเริ่มเสริมสกิลด้วยตัวเองได้เช่นกันเตรียมตัวเป็นเซลล์ขายมือทองด้วยตัวเองการทำความเข้าใจลูกค้าการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า คือทักษะสำคัญของเหล่านักขายมือทอง การทำความเข้าใจความต้องการและเตรียมข้อมูลให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มคะแนนความประทับใจ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้การต่อรองปิดยอดขายเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นมืออาชีพมากขึ้น ดังนั้นทักษะในการค้นหาข้อมูลก่อนเสนอขายและการคิดวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจลูกค้าจึงเป็นสิ่งจำที่ต้องมีและพัฒนาอยู่เป็นประจำทักษะในการคำนวณความคุ้มค่าบางครั้งนักขายอาจถูกหว่านล้อมให้เสนอขายสินค้าและบริการในราคาถูกเพื่อปิดดีล ซึ่งหากไม่มีทักษะในการคำนวณมากพออาจเกิดความผิดพลาดในการเสนอราคาให้เป็นดังที่ลูกค้าต้องการ โดยลืมนึกถึงความคุ้มค่าขององค์กร การเรียนรู้ทักษะการคิดคำนวณหาความคุ้มค่าอยู่เสมอจะช่วยให้เซลล์สามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คุ้มค่าสำหรับทั้งลูกค้าและองค์กรให้คำปรึกษาและรับฟังการรับฟังปัญหาของลูกค้าและคอยให้คำปรึกษาจะช่วยให้เซลล์สามารถระบุปัญหา หรือความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยสามารถนำไปพัฒนาการขายและนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ที่จะช่วยแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการนั้นได้ รวมถึงการคอยรับฟังจะทำให้ลูกค้าให้ความไว้วางใจและนึกถึงเราเป็นคนแรกจากบทความนี้จะเห็นได้ว่าเซลล์ขายของมีความสำคัญกับองค์กรเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตำแหน่งงานสำคัญที่มีอยู่ในทุกบริษัท ทั้งสตาร์ตอัปของคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ ย่อมต้องมีตำแหน่งพนักงานเซลล์ขายของมาเป็นพลังสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย สำหรับคนที่อยากสมัครงานเซลล์และพร้อมรับการ Sales Training เพื่อเป็นยอดเซลล์ขายมือทอง ก็สามารถเลือกสมัครงานสร้างความประทับใจให้แก่ HR ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง รวมถึงมีการรีวิวจากพนักงานที่ทำงานจริง ทำให้สามารถตัดสินใจสมัครงานได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยสามารถใช้งานสะดวกผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
20656
วิธีสร้าง Teamwork เสริมประสิทธิภาพงาน Digital Marketing
การทำงานใด ๆ ในองค์กรจะประสบความสำเร็จหรือมีประสิทธิภาพได้นั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือร่วมแรงและความเป็น Teamwork ของคนทำงาน โดยในบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับความสำคัญของ Teamwork ในทีมงาน Digital Marketing ซึ่งเป็นอาชีพที่กำลังมาแรงในขณะนี้ รวมถึง 4 วิธีสร้าง Teamwork ง่าย ๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมวิธีสร้าง Teamwork ในทีม Digital MarketingTeamwork คืออะไร ?Teamwork หมายถึงทักษะการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะรวมถึงทักษะการสื่อสาร การร่วมมือกันระหว่างเพื่อนร่วมงานในทีม และระหว่างทีม ไปจนถึงทักษะการแก้ปัญหา การตัดสินใจร่วมกันอย่างประนีประนอม จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ของแต่ละงานความสำคัญของ Teamwork ในงาน Digital Marketingทักษะการทำงานเป็นทีมนั้น เป็นทักษะที่จำเป็นในทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม และทุกหน่วยงาน ไม่เว้นแม้แต่งาน Digital Marketing เป็นงานที่กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน เพราะไม่ว่าธุรกิจใด ๆ ก็จำเป็นต้องทำการตลาดแบบดิจิทัลกันทั้งนั้น ทำให้มีตำแหน่งงานด้าน Digital Marketing หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักวางแผนการตลาดออนไลน์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และ SEM ที่มีหน้าที่ปรับแต่งเว็บไซต์ และโฆษณาบนช่องทางออนไลน์ ฝ่ายประสานงานระหว่างลูกค้าและทีมงาน ไปจนถึงนักเขียน นักตัดต่อวิดีโอ และกราฟิกดีไซเนอร์ที่มีหน้าที่ผลิตสื่อต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ทางออนไลน์ ซึ่งทุก ๆ ตำแหน่งเหล่านี้จำเป็นต้องทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผลลัพธ์การทำการตลาดที่ประสบความสำเร็จโดยที่ทักษะ Teamwork นั้นมีความสำคัญต่องาน Digital Marketing ดังนี้• ทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นการมีทักษะการทำงานเป็นทีมที่ดี จะช่วยให้การร่วมมือกันระหว่างคนในทีม และฝ่ายต่าง ๆ มีประสิทธิภาพ และราบรื่น ทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรืออุปสรรคในการทำงานน้อยที่สุด ทำให้งานต่าง ๆ ลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว และน่าพึงพอใจมากที่สุดเช่น ฝ่ายประสานงาน นักเขียน และกราฟิกดีไซเนอร์ จำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลงานที่ตรงตามวัตถุประสงค์ และความต้องการของโปรเจกต์นั้น ๆ• ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจ และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันความสำคัญของทักษะการทำงานเป็นทีมอีกอย่างหนึ่งก็คือ การช่วยให้ผู้ร่วมงานทุกคนมีความเข้าใจกันและกัน และเข้าใจถึงเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในแต่ละงาน ซึ่งจะทำให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเช่น นักเขียนจำเป็นต้องมีความเข้าใจตรงกับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เพื่อเขียนเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับการทำงานของ Search Engines มากที่สุด เพื่อให้เว็บไซต์ติดตำแหน่งที่ดีในหน้าผลการค้นหา• ทำให้มีทักษะการแก้ปัญหา และตัดสินใจเกี่ยวกับงานอย่างดีที่สุดทักษะการทำงานเป็นทีมยังมีความสำคัญต่อการตัดสินใจ และแก้ปัญหาร่วมกันของทีมอีกด้วย ยิ่งทีมมีความเป็น Teamwork มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้แก้ปัญหาได้ดีขึ้นเมื่อทีมต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ในการทำงานเช่น ฝ่ายประสานงาน และนักเขียน หรือกราฟิกดีไซเนอร์จำเป็นต้องตัดสินใจ และหาข้อตกลงร่วมกันอย่างมีประสิทธภาพได้เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละโปรเจกต์มากที่สุด• ทำให้ผลลัพธ์ของการทำงานออกมาน่าพึงพอใจเมื่อทุกคนในทีมมีทักษะการทำงานเป็นทีม สื่อสาร ตัดสินใจ และแก้ปัญหาร่วมกันได้ดี และมีเป้าหมายเดียวกันในการทำงาน แน่นอนว่างานที่ออกมาจะมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุดเช่น เมื่อฝ่ายประสานงานสามารถสื่อสารให้นักเขียนและกราฟิกดีไซเนอร์เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้ชัดเจน ทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันในเป้าหมายการทำงาน ทำให้ทุกตำแหน่งสร้างผลงานที่น่าพึงพอใจ เกิดอุปสรรคน้อยที่สุด จนได้รับคำชื่นชมจากลูกค้า หรือการต่อสัญญาเพิ่มเติมรวม 4 วิธีสร้าง Teamworkกิจกรรมฝึกการสื่อสารกิจกรรมฝึกการสื่อสารอย่างเช่นกิจกรรมส่งต่อข้อความ กิจกรรมวาดรูปตามคำสั่ง หรือกิจกรรมสวมบทบาทสมมติต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารของคนในทีมได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังควรต้องให้ความสำคัญกับความสนิทสนม และความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ที่ไม่เคยร่วมมือกันมาก่อนได้ด้วยเช่นกัน โดยอาจใช้กิจกรรม Ice-Breaking ต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนสนิทสนมกันได้ง่ายขึ้นกิจกรรมสร้างความไว้วางใจกิจกรรมที่ช่วยสร้างความไว้ใจระหว่างผู้ร่วมงานเป็นวิธีสร้าง Teamwork อย่างดี โดยอาจใช้กิจกรรมอย่างเช่น Trust Fall หรือ กิจกรรม Blindfold Walk ที่ให้หัวหน้าทีมนำเพื่อนร่วมทีมที่ถูกปิดตา ร่วมกันทำกิจกรรมใด ๆ ให้สำเร็จ หรืออาจเป็นกิจกรรมคู่ก็ได้กิจกรรมฝึกการแก้ปัญหากิจกรรมที่ช่วยเพิ่มทักษะการแก้ปัญหา เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากสำหรับการทำงานเป็นทีม และการทำงานด้าน Digital Marketing โดยอาจจัดกิจกรรมที่สร้างสถานการณ์ หรือปัญหาสมมติขึ้นมาเพื่อให้ทีมงานได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หรือกิจกรรมแชร์ประสบการณ์การแก้ปัญหาที่เคยพบมากิจกรรมฝึกการตัดสินใจกิจกรรมฝึกการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อย่างกิจกรรมบทบาทสมมติเป็นวิธีสร้าง Teamwork ที่จะช่วยให้ทีมงานของคุณมีทักษะที่ดีในการตัดสินใจ และหาข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งจะสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานจริงได้กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการทำงานให้กับทีม Digital Marketing ได้ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในการทำงานร่วมกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานกับคู่ค้า ส่วนใครที่กำลังมองหางาน Digital Marketing สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ หรืออยากเปลี่ยนสายงาน มาลองหาตำแหน่งที่น่าสนใจ ในบริษัทต่าง ๆ ได้ที่ JOBTOPGUN รวมถึงสร้าง Super Resume ที่จะช่วยให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่นกว่าใครได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
อ่านต่อ
บริการของเรา “เพื่อคุณ”
เว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณและบริษัทรู้จักกันมากขึ้น
ด้วยช่องทางในการอ่านและเขียนรีวิวอย่างมีคุณภาพ
และมีตัวช่วยในการสร้างเรซูเม่ ที่นำเสนอตัวตนให้คุณยืนหนึ่ง มีโอกาสได้งานมากกว่าใคร
เว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณและบริษัทรู้จักกันมากขึ้น ด้วยช่องทางในการอ่านและเขียนรีวิวอย่างมีคุณภาพ
และมีตัวช่วยในการสร้างเรซูเม่ ที่นำเสนอตัวตนให้คุณยืนหนึ่ง มีโอกาสได้งานมากกว่าใคร
JOBTOPGUN
logojtg
เว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณได้งาน
จากบริษัทชั้นนำกว่า 2,000 บริษัท

#1. หางาน สมัครงาน ตำแหน่งงานดีๆ บริษัทชั้นนำ ฝากประวัติที่ JOBTOPGUN.COM

เว็บไซต์หางานอันดับหนึ่ง หางาน สมัครงาน รวมตำแหน่งงานมากที่สุด จากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ งานดีๆ โอกาสดีๆ รอคุณอยู่ ฝากประวัติกับเราวันนี้ ที่ JobTopGun.com

คุณกำลังมองหางานอยู่หรือเปล่า คุณอยากได้งานที่มั่นคงสวัสดิการพร้อม ใช่หรือไม่ JOBTOPGUN เว็บไซต์หางานอันดับหนึ่ง ช่วยคุณได้

JOBTOPGUN.COM เป็นเว็บไซต์หางานอันดับหนึ่ง เรารวบรวม ตำแหน่งงานว่างบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ ทุกสาขาอาชีพ พร้อมระบบฝากประวัติ สมัครง่าย สะดวกรวดเร็ว ผู้สมัครได้งานตรงใจ ผู้ประกอบการได้พนักงานตรงกับตำแหน่งงานที่ต้องการ

ท่ามกลางการแข่งขันเพื่อให้ได้งานในตําแหน่งที่ดี รายได้สูงและมีความมั่นคง ทําอย่างไรจึงจะได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกจากบริษัทชั้นนําที่กำลังมองหาบุคลากรคุณภาพเช่นคุณอยู่?

JOBTOPGUN.COM ได้พัฒนาระบบในการหางานและหาพนักงานอยู่ตลอดเวลา รวมถึงทำให้ระบบการหางานออนไลน์มีประสิทธิภาพมากที่สุด ตรงความต้องการมากที่สุด ทั้งผู้ค้นหางาน และผู้รับสมัครงาน

เพิ่มโอกาสที่ดีกว่า ด้วยการสมัครงานกับบริษัทชั้นนำ ผ่าน JOBTOPGUN

Super Match ระบบจับคู่อัจฉริยะของเรา เพียงแค่คุณฝากประวัติ ทําซูเปอร์เรซูเม่ (ใบสมัครงาน) ของคุณให้สมบูรณ์ ระบบของ JOBTOPGUN จะค้นหางานที่ตรงกับเรซูเม่เพื่อนำมาให้คุณเลือกพิจารณาอย่างรวดเร็ว

หรือจะค้นหางานที่ตรงใจด้วยตัวเอง ผ่าน Search engine (เครื่องมือการค้นหา) ของ JOBTOPGUN ที่คุณสามารถเลือกใส่คําค้นหาและเลือกเงื่อนไขการค้นหาได้ตามต้องการ เช่น หางานตามสายอาชีพ หางานจากทำเลที่ตั้งของบริษัทที่ประกาศรับสมัครงาน ซึ่งเราเข้าใจดีว่าทำเลที่ตั้งของบริษัทนั้นมีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจของผู้สมัคร

การหางานที่ตรงกับการศึกษาของผู้สมัครที่ทําให้คุณไม่ต้องเสียเวลาอ่านทวนว่าคุณสมบัติของคุณตรงกับที่บริษัทต้องการหรือไม่ รวมไปถึงการเลือกเงินเดือนในช่วงที่คุณต้องการแล้วคลิก “ค้นหา” เพื่อให้คุณเข้าถึงตำแหน่งงานที่ตรงใจได้อย่างรวดเร็วเพียงคลิกเดียว

เมื่อหางานในตำแหน่งที่คุณสนใจแล้ว จะสมัครงานอย่างไร

เมื่อคุณพบงานที่ต้องการแล้ว การจะสมัครงานนั้นก็เพียงแค่คลิก “สมัครทันที” เท่านั้นระบบจะทําการอัพโหลด Super Resume ที่คุณได้สร้างเอาไว้แล้วส่งให้กับบริษัทที่คุณสนใจทันที

ทําไมต้องสมัครงานผ่าน Super Resume?

เพราะ Super Resume คือเป็นแบบฟอร์มเรซูเม่ที่ทาง JOBTOPGUN ได้มาจากการรวบรวมข้อมูลจากแผนกจัดหาทรัพยากรบุคคลจากหลากหลายบริษัทชั้นนําทั่วประเทศ จึงทําให้แบบฟอร์มนี้มีข้อมูลที่บริษัทซึ่งกำลังมองหาบุคลากรต้องการรู้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

และยังช่วยให้การคัดสรรบุคลการ พนักงานของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลาทั้งบริษัทและตัวผู้สมัครงาน เนื่องจากคุณไม่ต้องทําอะไร ไม่ต้องนั่งคิดหัวข้อเรซูเม่ด้วยตัวเอง เพียงแค่กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วคลิก “สมัครทันที” จากนั้นก็รอเรียกสัมภาษณ์จากบริษัทได้เลย

ข้อแนะนำในการสมัครงาน เพื่อให้ได้งานในตำแหน่งที่คุณต้องการ

ฝากประวัติสมัครงานใน Super Resume

มีดีไม่ต้องกั๊ก เรียกความมั่นใจให้เต็มที่แล้วกรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะ Resume เปรียบเสมือนการนําเสนอตัวคุณเอง ความสามารถของคุณจะประกฏกับบริษัทที่ค้นหาพนักงาน จากประวัติในระบบ

ฝ่ายบุคคลบริษัทจะรู้จักคุณผ่าน Resume ที่คุณกรอกและพิจารณาคุณสมบัติ เบื้องต้น ว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งงานต่างๆ ที่องค์กรกำลังต้องการหรือไม่ รวมถึงดูข้อมูลโดยรวมของคุณผ่านรายละเอียดต่างๆ ใน Resume ซึ่งอาจมีบางอย่างที่อาจช่วยให้คุณได้รับพิจาณาเป็นพิเศษ

ดังนั้นกรอกให้ครบทุกช่อง โดยเฉพาะประวัติการทํางานที่ผ่านมาพร้อมรายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบหรือรายละเอียดของตำแหน่งงานที่ทำ จุดแข็งของตัวคุณพร้อมคําอธิบาย

เลือกความสามารถ ลักษณะนิสัยหรือแนวคิดที่คุณคิดว่าตัวเองมีดีและมั่นใจที่สุด เพราะจุดแข็งเหล่านี้จะมีส่วนช่วยสะท้อนถึงทัศนคติและเป้าหมายในทํางานของคุณ ทำให้บริษัทสามารถมองภาพรวมตัวตนของคุณได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังควรหมั่นมาอัพเดทเรซูเม่อย่างสม่ำเสมอเมื่อมีประสบการณ์เพิ่มเติมในสายงานนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การฝึกอบรม การเข้าร่วมโครงการ หรือการเข้าคอร์สศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยดึงดูดบริษัทที่ต้องการบุคลากรคุณภาพเช่นคุณ

อย่าลืม อัพเดทสถานะการสมัครงานของคุณ

ในการสมัครงานแต่ละครั้งเรามักจะส่งเรซูเม่คราวละหลายๆ บริษัท ผู้สมัครส่วนใหญ่มักเลือกบริษัทที่มีตำแหน่งงานตรงตามความต้องการและกดสมัครพร้อมกันในคราวเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานหรือโอกาสในการเรียกสัมภาษณ์มากยิ่งขึ้น

ซึ่งการสมัครงานครั้งละหลายๆ บริษัทนี่เองที่ทําให้บางครั้งเมื่อฝ่ายบุคคลติดต่อมาเพื่อนัดไปสัมภาษณ์ ผู้สมัครจึงเกิดความสับสนว่าตนเองสมัครบริษัทไหน ตำแหน่งอะไร นอกจากนี้อาจทำให้คุณเตรียมข้อมูลบริษัทผิดพลาดจนทําให้ฝ่ายบุคคลที่ติดต่อมาไม่ประทับใจและส่งผลต่อการสัมภาษณ์ได้
เพราะฉะนั้นจึงควรเปิดดูบันทึกการสมัครงานของคุณในระบบอยู่เสมอเพื่อตรวจสอบประวัติการสมัครงานด้วย นอกจากนี้หากงานไหนที่สมัครไว้เป็นเวลานานแล้วก็ควรลบออกจากประวัติเพื่อป้องกันความสับสนและทำให้ประวัติดูง่ายและมีความเป็นระเบียบมากขึ้น

เตรียมสมัครงาน ในตำแหน่งงาน บริษัท องค์กรที่คุณสนใจจริงๆ

บางครั้งคุณเลือกที่จะส่งใบสมัครครั้งละหลายๆ บริษัท ซึ่งบริษัทดังกล่าวอาจไม่ใช่เป้าหมายแท้จริงที่คุณ แต่เป็นการสมัครเพื่อเพิ่มโอกาสการได้งานและการได้เรียกสัมภาษณ์ เมื่อเวลาผ่านไปและคุณตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องการทำงานที่บริษัทเหล่านั้นก็ไม่สามารถยกเลิกใบสมัครที่ส่งไปได้แล้ว

จากนั้นหากบริษัทเหล่านั้นเลือก Resume ของคุณให้ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์งาน แต่เมื่อบริษัทติดต่อมาคุณกลับปฏิเสธที่จะเข้ารับการสัมภาษณ์ พฤติกรรมนี้ทําให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย และคุณอาจจะเสียประวัติหรือเสียโอกาสที่จะร่วมงานกับบริษัทดังกล่าวในอนาคต ดังนั้นควรสมัครบริษัทที่คุณต้องการทํางานเท่านั้นจริงๆ

ใช้เครื่องมือ ค้นหาตำแหน่งงาน ให้ได้งานที่ตรงใจ

เครื่องมือค้นหางานของ JOBTOPGUN รองรับการค้นหาอย่างละเอียด ให้คุณสามารถกรอกข้อมูลที่ต้องการได้ตรงใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์คำที่ต้องการค้นหาโดยตรง การค้นหางานจากตำแหน่งงาน พื้นที่ทำงาน วุฒิการศึกษา เงินเดือน

ประเภทธุรกิจหรือประเภทงานที่คุณต้องการทำงาน หรือจะค้นหาจากประสบการณ์ที่คุณมี นอกจากนี้ยังสามารถเลือกค้นตำแหน่งงานว่างจากชื่อบริษัทต่างๆ ที่ต้องการได้อีกด้วยเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการค้นหางานของบริษัทที่คุณชื่นชอบได้ อีกทั้งยังสามารถค้นหาจากประวัติเก่าๆ ที่คุณเคยเลือกเอาไว้ได้ และเมื่อเจองานที่สนใจ

ระบบยังสามารถบันทึกงานที่คุณชอบไว้เพื่อกลับมาเปิดดูอีกครั้งได้อีกด้วย ระบบการค้นหาของเราช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการหางานให้แก่ผู้สมัครมากยิ่งขึ้น และยิ่งกรอกข้อมูลการค้นหาละเอียดมากเท่าไร งานที่ระบบค้นหาให้คุณก็จะมีความเฉพาะทางตามสายงานและตรงกับความต้องการที่คุณระบุมากขึ้นเท่านั้น และงานเหล่านั้นก็มีโอกาสสูงที่จะตรงตามคุณสมบัติที่คุณมีอีกด้วย

เพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้เครื่องมือค้นหา (Search engine) ของ JOBTOPGUN ให้เกิดประโยชน์ และใช้การค้นหาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะคุณสามารถกำหนดขอบเขตงานที่ต้องการได้อย่างละเอียดเพียงแค่ระบุข้อมูลตามที่ต้องการ และยิ่งผลการค้นหาเจองานที่น่าสนใจและตรงตามคุณสมบัติของคุณมากเท่าไร โอกาสในการเลือกสมัครงานนั้นแล้วได้รับการเรียกสัมภาษณ์ก็มีมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

ที่ JOBTOPGUN คุณสามารถส่งใบสมัครถึง 20 ตําแหน่งงานต่อครั้ง

บางครั้งในการสมัครงานตำแหน่งที่ต้องการ เราอาจมีความสนใจตำแหน่งงานในหลายบริษัท และหลายครั้งที่มีเวลาจำกัด คุณอาจมีความจำเป็น และต้องการส่งใบสมัครพร้อมกันหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเพื่อการเพิ่มโอกาสการทำงานในสายงานที่ชอบ หรือโอกาสในการได้งานตำแหน่งที่ต้องการ รวมถึงโอกาสในการได้ร่วมทำงานกับองค์กรที่มีชื่อเสียง

เพียงแค่สมัครสมาชิก JOBTOPGUN คุณสามารถส่งใบสมัครหลายที่ทันที สูงสุดถึง 20 แห่ง เพียงแค่ Login เข้าสู่ระบบของ JOBTOPGUN.COM ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษสําหรับผู้ที่เป็นสมาชิกของ JOBTOPGUN เท่านั้น

หัวใจสําคัญในการสมัครงานเพื่อให้ได้ตําแหน่งงานกับบริษัทชั้นนําที่คุณสนใจ คือ การนําเสนอประวัติของคุณให้ตรงกับบริษัทที่กำลังมองหาบุคลากร JOBTOPGUN ได้รวบรวมตําแหน่งงานจากทั่วประเทศและออกแบบ Super Resume ที่สมบูรณ์แบบไว้ให้คุณแล้วเพียงแค่กรอกแล้วสมัครงานได้ที่ JOBTOPGUN งานที่คุณต้องการกำลังรอคุณอยู่

Super Resume
logosr
ช่วยนำเสนอตัวตนของคุณได้ดีที่สุด
มีผู้ใช้กว่า 3 ล้านคน
และ Partner ของเรา
YOUSAY / HRSAY
logoHR
นำเสนอเชิดชูบริษัทที่อยู่ในมาตรฐาน
ของบริษัททั่วไปที่จะพึงมี และนำเสนอ
บริษัทที่จะเป็น Dream Company
ติดตามงานที่ใช่ได้อย่างง่ายดาย
ผ่านแอปพลิเคชั่น JOBTOPGUN
jobtopgun ios applicationjobtopgun android application
phone
ติดตามงานที่ใช่ได้อย่างง่ายดาย
ผ่านแอปพลิเคชั่น JOBTOPGUN
jobtopgun ios applicationjobtopgun android application
phone
findjob
ให้เราช่วยให้คุณ “หางาน ได้งาน”
หากไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำให้คุณได้มีชีวิตดีจากงานที่ดี
เริ่มเข้าสู่ระบบเพื่อหางานไปพร้อม ๆ กัน

หางานบริษัทในฝันได้ง่าย ๆ กับเว็บไซต์สมัครงานที่ใช้งานสะดวก JOBTOPGUN

อ่านต่อ