การที่พนักงานตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถก้าวไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้นั้นต้องอาศัยทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่บริษัทหยิบยื่นให้ ลักษณะงานของตำแหน่งว่างที่ตรงกับความสนใจของเรา ความมั่นใจที่จะลองเสี่ยงรับหน้าที่นั้น ๆ หรือแม้แต่ทักษะความสามารถที่มีอยู่ ซึ่งการไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นนั้นไม่ได้อาศัยแค่ Hard Skill หรือทักษะวิชาชีพเท่านั้น แต่ยังอาศัย Soft Skill หรือทักษะทางอารมณ์ การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การตัดสินใจ และความคิดสร้างสรรค์ด้วย ในบทความนี้ พวกเราจึงรวบรวม Soft Skill ที่ทุก ๆ บริษัทคาดหวังจากผู้สมัครเพื่อให้เราได้พัฒนาตัวเองให้เป็นดาวที่ใคร ๆ ก็อยากแย่งตัว มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
รวม 4 Soft Skills ที่ทุกบริษัทคาดหวังจากผู้สมัครงาน
1) ทักษะการตัดสินใจและแก้ปัญหา
หากฝันอยากได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนเพิ่มขึ้น ก็ต้องมีความสามารถในการตัดสินใจแก้ปัญหาที่เฉียบคมขึ้น เพราะทุกการทำงานย่อมมีปัญหาและมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ
การตัดสินใจเลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไรล้วนมีผลกระทบเสมอ คนที่สามารถตัดสินใจเลือก
วิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม สร้างผลกระทบที่ดีหรือลดแรงกระแทกได้ภายในระยะเวลา
ที่จำกัด นั่นแหละคือคนที่องค์กรต้องการ ยิ่งปัญหามีความซับซ้อนมากเท่าใด องค์กรก็ย่อมเต็มใจลงทุนเพื่อแก้ปัญหาที่ว่าได้มากเท่านั้น
วิธีการพัฒนาทักษะนี้ ทักษะนี้สามารถพัฒนาได้จากการฝึกซ้อมแก้ปัญหา อาจจะเริ่มจากปัญหาเล็ก ๆ เช่น เครื่องใช้ในบ้านมีปัญหาก็ได้ โดยให้เริ่มจากการมองภาพใหญ่ให้ออกก่อนว่าปัญหานี้มีอะไรมาเกี่ยวข้องบ้างและระบุตัวการที่แท้จริงของปัญหา พอเริ่มวิเคราะห์ได้แล้วก็มาดูว่าตัวการนี้ส่งผลกระทบรุนแรงหรือเป็นวงกว้างขนาดไหน และจบด้วยการคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ภายใต้ทรัพยากรและเวลาที่มีอยู่ ยิ่งฝึกให้คิดกระบวนการเหล่านี้ได้เร็วและตอบโจทย์มากแค่ไหน ยิ่งเก่งขึ้นมากเท่านั้น
2) ความคิดสร้างสรรค์
สิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นในโลกได้ด้วยความคิดที่แปลกใหม่ สร้างสรรค์ และตอบโจทย์
ถึงแม้ว่าหลายคนอาจมองว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งไกลตัวและใช้ในงานสายศิลปะเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็น Soft Skill ที่สามารถฝึกฝนได้ แม้แต่คนที่มองว่าตัวเองไม่ใช่คนครีเอทีฟก็สามารถมีความคิดสร้างสรรค์ได้ และทักษะนี้มีความจำเป็นต่ออาชีพทุกอาชีพ เพราะความคิดสร้างสรรค์สามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาได้เช่นกัน โดยเป็นการค้นหาคำตอบ
ที่แตกต่างให้กับโจทย์ที่ท้าทายนั่นเอง
วิธีการพัฒนาทักษะนี้ ประสบการณ์และการตั้งคำถามเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา ประสบการณ์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงจำนวนครั้งที่ลองคิดสิ่งใหม่ ๆ แต่หมายถึงการเปิดรับไอเดียที่น่าสนใจและสะสมเป็นคลังที่สามารถหยิบออกมาใช้ได้ ส่วนการตั้งคำถามอาจจะเริ่มต้นจากการสงสัยในสิ่งที่เราทำเป็นปกติและลองหาวิธีการทำสิ่งนั้นในรูปแบบใหม่ เปิดใจกับวิธีการที่แตกต่างเพราะอาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่า เมื่อเราสะสมคลัง
ไอเดียและวิธีการคิดนอกกรอบมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ลองฝึกเอา 2 สิ่งนี้มาผสมกันเพื่อให้ได้สิ่งที่แตกต่างในสไตล์ของตัวเอง เท่านี้ก็เป็นการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์แล้ว
3) ทักษะการสื่อสาร
ต่อให้คน ๆ หนึ่งมีความสามารถในการแก้ปัญหาที่เฉียบคมมากแค่ไหนหรือมีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดจะว้าว แต่ถ้าคน ๆ นั้นไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาให้คนอื่นเข้าใจได้ บุคคลดังกล่าวก็จะไม่สามารถเตะตาองค์กรที่ตามหาคนที่ใช่อยู่ได้ ดังนั้นการสื่อสารในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กลายเป็นคนที่โดดเด่น
ดุจดาว โดยการสื่อสารไม่ใช่แค่การพูดความคิดของตัวเองออกมาให้รู้เรื่องเท่านั้น ยังรวมถึงการจับใจความและการฟังอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
วิธีการพัฒนาทักษะนี้ สำหรับการเริ่มต้นฝึกพัฒนา Soft Skill ด้านการสื่อสารให้ดีขึ้นต้องมองให้ออกก่อนว่าประเด็นอะไรที่เราต้องการให้คนฟังรับรู้และให้ความสำคัญ เมื่อเก็ตว่าใจความสำคัญคืออะไรแล้ว ให้ลองเรียงลำดับเนื้อหาตั้งแต่การปูเรื่อง เข้าเรื่อง และปิดท้ายเรื่อง โดยเล่าให้เข้าใจง่ายที่สุดและไม่กระโดดเกินไป ลองใช้จังหวะและน้ำเสียงเพื่อย้ำให้คนฟังรู้ว่าตรงนี้คือจุดที่ต้องเอามาใส่ใจ ส่วนการพัฒนาการฟังให้มีประสิทธิภาพ ต้องเปิดใจและลดอคติระหว่างรับฟังคู่สนทนา รวมถึงพยายามจับนัยสำคัญของบทสนทนาให้ได้
4) ทักษะการบริหารจัดการเวลา
มนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับความแตกต่างและความไม่เท่าเทียมกัน แต่ทรัพยากรที่ทุกคนมีเท่ากันนั่นก็คือเวลา เพราะ 1 วันของทุกคนล้วนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ว่าแต่ละคนมีวิธีการใช้เวลาที่แตกต่างกันออกไปและมีประสิทธิภาพมากน้อยต่างกัน การบริหารจัดการเวลาที่ดีนี่แหละที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครมีความสามารถในการใช้ทรัพยากรที่ตัวเองมีได้อย่าง
คุ้มค่ากว่ากัน ซึ่งการบริหารจัดการเวลาที่ดีสามารถมองได้ทั้งในมุมของการทำงานและมุมของการพัฒนาตัวเอง คนที่สามารถบริหารจัดการเวลาได้ดีมักจะทำให้งานเสร็จออกมาได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ส่งผลให้คนที่รับช่วงงานต่อสามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น และการจัดการเวลาที่ดีนี้เองจะทำให้เจ้าตัวสามารถใช้เวลาที่เหลือทำในสิ่งที่ตนเองสนใจหรือต้องการพัฒนาได้ด้วย ส่งผลให้เกิดเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเองและองค์กร
วิธีการพัฒนาทักษะนี้ อย่างแรกเลยคือต้องฝึกมองให้ออกว่าสิ่งที่ต้องทำสิ่งไหนมี
ความด่วนและความสำคัญมากน้อยกว่ากัน จากนั้นค่อยเรียงลำดับว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
จะดียิ่งขึ้นด้วยถ้าสามารถเซ็ตเวลาที่คาดว่าจะใช้ในแต่ละกิจกรรมและทำได้ตามที่วางไว้
เมื่อฝึกวิธีการทำงานและใช้ชีวิตแบบนี้จนคล่องขึ้นได้แล้ว ให้ลองตั้งเป้าหมายระยะสั้น
และระยะยาวพร้อมวางแผนสิ่งที่จะทำเพื่อพิชิตเป้าหมายนั้นขึ้นมา ทั้งการจัดการงานและ
การพัฒนาตนเอง เพื่อรักษากิจวัตรที่ดีของตัวเองไว้และกลายเป็น Soft Skill ที่สม่ำเสมอต่อไป
เมื่อเรียนรู้และพัฒนา Soft Skill ของตัวเองจนพร้อมแล้วก็ถึงเวลาค้นหาโอกาสดี ๆ จากบริษัทที่เหมาะกับคุณที่เว็บไซต์ www.jobtopgun.com แหล่งรวบรวมงานที่เหมาะกับคุณมากกว่า 5,000 ตำแหน่ง รวมถึงสามารถอ่านรีวิวบรรยากาศการทำงาน สวัสดิการ และอื่น ๆ อีกเพียบที่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจสมัครงานของคุณได้ทางเว็บไซต์ www.yousayhrsay.com