จุดแรกที่สะดุดตา คือ เตียงรูปแบบไม่เหมือนใคร ใช้ไม้ที่เป็นท่อนมาประดับหัวและท้าย เตียงตั้งอยู่กลางห้อง เวลานอนก็มองออกไปได้ไกลถึงท้องทะเล เก๋ไก๋ ให้ความรู้สึกโรแมนติกแต่แรกพบด้วยมุ้งสีขาวแขวนไว้กับไม้กระบอก ให้ใครที่อยากนอนมุ้งได้เปลี่ยนบรรยากาศได้ทดลองนอนดู กระจกส่องก็อาศัยไม้ไร้รูปทรงมาประดับทำขอบ ตู้เสื้อผ้าไม้ไผ่ไม่เหมือนใครถูกวางไว้มุมห้องข้างเตียง และเมื่อเปิดประตูห้องที่เป็นบานกระจกโปร่งใสออกไปก็จะพบระเบียงกว้างซึ่งใช้ไม้หลาวโอน ไม้ตระกูลปาล์มชนิดหนึ่งที่เนื้อไม้แข็งแรงมากมาทำพื้น
แต่ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือห้องน้ำที่ถูกออกแบบไว้อย่างสุนทรีย์ โดยมีอ่างอาบน้ำที่เวลาลงไปแช่สามารถมองผ่านทะลุบานกระจกใสออกไปถึงท้องทะเลกว้าง ใครที่ไม่อยากเปิดเผยก็สามารถรูดม่านปิดได้อย่างมิดชิด แถมใต้ถุนก็มีเปลยวนไว้ให้นอนเล่นกินบรรยากาศลมเย็นเป็นที่เพลินใจอีกด้วย
 
เมื่อตื่นขึ้นมารับแสงแดดอบอุ่นยามเช้าก็สามารถมองเห็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ยาวไกลไปจนจดแนวป่าอันเป็นบ้านของฝูงนกเงือกนับร้อย อีกทั้งฝูงนกตะกรุมกว่า 40 ตัวก็ยังมีอยู่ที่นี่ ไม่นับรวมไปถึงลิงแสมและนกป่านานาชนิด และฝูงกวางม้าตัวใหญ่ที่อาจพบได้ตอนกลางคืนในทุ่งหญ้าสะวันนา
ตลอดทั้งวันถ้าไม่อยากนอนคู้อยู่ในกระท่อม ที่นี่มีหาดทรายยาวเหยียดโค้งเป็นวงเดือนให้เดินเล่น และเชื่อหรือไม่ว่าหาดแห่งนี้ยังมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ทุกปี มีปะการังให้ดำน้ำตื้นบริเวณเกาะเล็กๆ 2 เกาะที่อยู่ด้านหน้าหาด หรือจะแหวกว่ายน้ำทะเลในเวิ้งอ่าว แล้วขึ้นมานอนอาบแดดบนหาดทรายไร้ผู้คนก็สุดแสนสราญใจ
 
ในยามเย็นถ้าชวนคู่ของคุณไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าด้านหน้ารีสอร์ต แล้วนั่งดูท้องฟ้าสลับสี ก็จะพบว่าบรรยากาศโรแมนติกจนไม่อยากลืม ยิ่งในยามราตรีที่มีหมู่ดาวประดับฟ้า บริเวณหน้าหาดก็นับว่าเป็นจุดดูดาวที่ดีที่สุดจุดหนึ่ง
ก่อนเข้านอนหากได้นั่งจิบไวน์ในห้องอาหารโปร่งรับลมทะเล ลิ้มลองอาหารเลิศรส แล้วเข้านอนฟังเสียงคลื่นกระทบหาดทรายในความมืดใต้แสงเทียน ที่นี่ก็เกินกว่าจะบรรยายว่าเป็น “รีสอร์ตธรรมชาติ ที่คุณจะไม่มีวันลืมในความโรแมนติก ซึ่งมีอยู่ในทุกอณูของหัวใจ”

หน้า > 1 2 3