เกือบ 4 ทุ่มแล้ว คนใกล้ตัวยังอยากฟังนิยายดาวต่อ ผมจึงชี้ให้ดูกลุ่มดาวเหนือจุดจอมฟ้า คล้อยไปทางทิศตะวันตกอีกกลุ่มที่น่ารู้จัก คือกลุ่มดาวนายพรานซึ่งมีดาวเด่นอยู่ 5 ดวง ดาวกลุ่มนี้มีชื่อเรียกต่างไปอีกคือ ดาวเต่า และดาวไถ ฟังดูคุ้นหูใช่ไหมล่ะ ในตำนานเล่าไว้ว่า “มีพรานผู้เป็นนักล่าที่เก่งกาจและมีไหวพริบเป็นเลิศ วันหนึ่งเกิดเสียท่าเจ้าเสือร้ายที่หมายจะเอาชีวิต เจ้าเสือเอ่ยถามพรานว่า “เจ้าคือมนุษย์ใช่มั้ย?” .”ใช่” นายพรานตอบแล้วถามต่อว่า “ทำไมหรือ?” เสือตอบว่า “ราชสีห์เคยสอนข้าว่า มนุษย์นั้นฉลาดมาก ให้ระวังจะโดนจับไปใช้งาน” นายพรานได้ทีรีบบอกว่า “ถ้าเจ้าอยากฉลาดก็อย่ากินข้าเลย แล้วข้าจะให้ตัวฉลาดแก่เจ้า” เสือได้ฟังเช่นนั้นจึงอยากได้ “ไหน…ข้าขอดูไอ้ตัวฉลาดของเจ้าหน่อยซิ” นายพรานบอกเสือไปว่า “อยู่ที่บ้าน จะไปเอามาให้ดูก็ได้ แต่ข้าต้องล่ามเจ้าเอาไว้ก่อน เพราะกลัวเจ้าหนี” เจ้าเสืออยากได้ตัวฉลาดมากจึงยอมให้นายพรานล่ามเชือก ด้วยความซื่อบื้อ เจ้าเสือจึงหลงกลนายพรานเข้าเต็มเปา เลยถูกส่งไปอยู่ในสวนสัตว์ เทพยดาบนฟ้าเป็นปลื้มในความฉลาด จึงวาดภาพนายพรานปัญญาดีไว้บนฟากฟ้า” พอผมเล่าจบ ทันใดก็มีดาวตกให้เห็นถึง 2 ดวง น่าเสียดายที่ไม่ทันได้อธิษฐานขอพรให้สมหวัง
ผมเปลี่ยนท่าลุกขึ้นมานั่งรินน้ำร้อนลงแก้วก่อนกุมไว้ในอุ้งมือ เริ่มรู้สึกว่าอากาศจะชื้นและเย็นลงเรื่อยๆ จนต้องสละหมวกไหมพรมให้ใครคนนั้นสวมแทน
ก่อนที่เราจะอำลาราตรี เหนือปลายขอบฟ้าไกล กลุ่มดาวจระเข้กำลังเคลื่อนขึ้นมาทีละนิด จากเส้นขอบฟ้ามี 7 ดวงสว่างเรียงแถวอย่างเห็นได้ชัด คนขี้สงสัยแย้งขึ้นว่าดูไม่เห็นเหมือนจระเข้เลยสักนิด “เอาอย่างนี้…ลองมองให้เป็นรูปกระบวยซิ ใกล้เคียงมั้ย” คนขี้สงสัยเริ่มจินตนาการออกพร้อมพยักหน้าหงึกๆ “ถ้าคืนนี้ยังดูไม่เป็นจระเข้ก็ให้ดูเป็นกระบวยไปก่อน ซึ่งก็ไม่ผิดถ้าจะเรียกดาวกลุ่มนี้ว่ากระบวย กันมาจนถึงทุกวันนี้นั้นล้วนแล้วเป็นจินตนาการมาจากบรรพกาลทั้งสิ้น”
ณ ดอยสามหมื่นแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ธรรมชาติที่เราเดินทางขึ้นมาเพื่อชมทัศนียภาพแห่งขุนเขาและทะเลหมอกยามเช้าเท่านั้น หากแต่ที่นี่ยังเป็นดินแดนอันแสนโรแมนติกในจินตภาพของมนุษย์อีกแห่งหนึ่ง ที่เหมาะจะดูดาริกาในหน้าหนาวยิ่งนัก

หน้า > 1 2 3