ผู้จัดการบัญชีภาษี
SC Group- ตรวจสอบภาษีของบริษัทและคำนวณภาษีที่ต้องชำระ
- ดูแลกฎระเบียบด้านภาษีและตรวจสอบให้บริษัทปฏิบัติตาม
- วิจัยและศึกษาแนวทางภาษีใหม่ ๆ
- ระบุและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการจัดการภาษี
- ตรวจสอบการยื่นภาษีเงินได้และกระทบยอดบัญชีภาษี
- กำกับและประสานงานการทำงานของพนักงานในแผนกภาษี
- คำนวณภาษีจากกำไรและจัดทำเอกสารขอคืนภาษี
- ดูแลให้บุคคลและบริษัทเสียภาษีอย่างเหมาะสม ไม่เกินกว่าที่ควร
- ให้คำแนะนำทางภาษีแก่บริษัทและบุคคลทั่วไป
- ช่วยเหลือภาครัฐในการจัดทำภาษีเงินได้และการขอคืน VAT
- จัดทำรายงานภาษีเป็นระยะ เช่น รายปี รายไตรมาส หรือรายเดือน
- ควบคุมยอดคงเหลือทางภาษีในบัญชีแยกประเภททั่วไป
- ตรวจสอบข้อกำหนดทางภาษีและช่วยบริษัทวางแผนภาษี
- จัดเตรียมข้อมูลภาษีที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือให้กับบริษัท บุคคล และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย นักหฎหมาย
- อายุ 30 - 45 ปี
- วุฒิ ป.ตรี ขึ้นไป ด้าน บัญชี / ภาษี
- มีประสบการณ์ในการทำงานด้านบัญชีภาษีอากร อย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป
- มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นต้น
- สามารถประสานงานกับหน่วยงานภาษีของภาครัฐ เช่น กรมสรรสาพร
- มีทักษะในการวิเคราะห์เปรียบเทียบ การวางแผนภาษี และการบริหารภาษี
- Provident Fund
- Staff training and development
- Fuel/transportation fees
- Marriage gift
- Ordination gift
- Vehicle depreciation allowance
- Telephone bill allowance
- 5-day work week
- ประกันชีวิต
- Social security
- ประกันสุขภาพทั้ง OPD และ IPD
- Accident Insurance
- Ordination leave
- สวัสดิการกู้บ้าน ธอส.
- Employee's uniform
- Funeral payment support
- Performance/results-based bonus

“กลุ่มบริษัทเอสซี”
ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ 2528โดย คุณณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นองค์กรโลจิสติกส์ระดับสากล เริ่มต้นด้วยการให้บริการขนส่งเคมีภัณฑ์ต่อมาได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการเรือลากจูง(Tug Boat)ที่เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เรือสนับสนุนการปฏิบัติงานนอกชายฝั่งทะเลให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จากนั้นได้ให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และสารเคมีให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีชั้นนำของประเทศไทย อาทิ ปตท. เชลล์ และเอสโซ่ เป็นต้น
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เริ่มก่อตั้งครั้งแรกใช้ชื่อว่า บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2525 (ภายใต้โครงการปุ๋ยแห่งชาติของทางภาครัฐบาล) โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อทำการผลิตปุ๋ยเชิงประกอบ เพื่อทดแทนการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศ มีที่ตั้งของโครงการอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจังหวัดระยอง ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกจำนวน 50 ล้านบาท และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ต่อมาในเดือนมกราคม 2536 บริษัทได้เริ่มจำหน่ายปุ๋ยเชิงประกอบ (N-P-K) เข้าสู่ตลาดโดยการนำเข้าปุ๋ยเคมีสำเร็จรูปมาจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า “ปุ๋ยแห่งชาติ” เพื่อเป็นการสร้างฐานการตลาดในระยะแรก ก่อนที่บริษัทจะทำการผลิตและจำหน่ายจากโรงงานของบริษัทและได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีเชิงประกอบ (N-P-K) ในปี 2538 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2538 บริษัทได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนโดยใช้ชื่อว่า บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมี เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้รับเข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2539
ในปี พ.ศ 2547 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) และล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนไปจึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันนอกจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีแล้ว บริษัทฯ ยังได้มีการจำหน่ายยิปซั่ม แอมโมเนีย แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ กรดกำมะถัน บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเหลว บริการคลังสินค้า และบริการท่าเทียบเรือ อีกด้วย
ต่อมาในเดือน สิงหาคม ปี พ.ศ. 2561 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด (NFC ถือหุ้น100%) ให้บริการคลังจัดเก็บน้ำมัน ที่มีความจุ 90 ล้านลิตร โดยการดำเนินการคลังน้ำมันเอ็นเอฟซีที ได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายจัดส่งน้ำมันในระดับภูมิภาค ตอบสนองความต้องการของภาคการคมนาคมและขนส่งของไทย และสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐด้านการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)