หัวหน้าแผนกจัดซื้อจัดจ้าง
SC Group1.การจัดการและควบคุมการจัดซื้อ
- วางแผนและควบคุมการจัดซื้อวัสดุและสินค้า เช่น ปุ๋ยเคมี ยิปซั่ม แอมโมเนีย แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ และกรดกำมะถัน
- ติดตามและประเมินผู้ขายและซัพพลายเออร์เพื่อให้ได้คุณภาพสินค้าและบริการที่ดีที่สุด
- จัดทำและบริหารจัดการสัญญาการซื้อขายให้ถูกต้องและเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
2.การวิเคราะห์และประเมินต้นทุน
- วิเคราะห์และควบคุมต้นทุนการจัดซื้อเพื่อให้เป็นไปตามงบประมาณที่กำหนด
- ทำการวิจัยตลาดและวิเคราะห์ราคาเพื่อหาทางลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อ
3.การบริหารจัดการคลังสินค้า
- วางแผนและจัดการคลังสินค้าเหลวและคลังสินค้าทั่วไป
- ตรวจสอบสต็อกสินค้าและประสานงานกับแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีสินค้าพร้อมใช้งานตามความต้องการ
4.การพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้ขายและซัพพลายเออร์
- พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับผู้ขายและซัพพลายเออร์
- เจรจาเงื่อนไขและข้อตกลงกับผู้ขายเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท
5.การบริหารทีมงาน
- บริหารและพัฒนาทีมงานจัดซื้อจัดจ้างให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานของทีมงาน
- ปริญญาตรีขึ้นไป สาขาการจัดการธุรกิจ การบริหารจัดการโลจิสติกส์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
- มีประสบการณ์ในการทำงานในด้านการจัดซื้อจัดจ้างอย่างน้อย 5 ปี
- มีทักษะการเจรจาต่อรองและการสื่อสารที่ดี
- มีความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีความรู้และประสบการณ์ในการจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์จะพิจารณาเป็นพิเศษ
- สามารถใช้คอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อ เช่น SAP ได้ดี
- Provident Fund
- Staff training and development
- Marriage gift
- Ordination gift
- Telephone bill allowance
- 5-day work week
- ประกันชีวิต
- Social security
- ประกันสุขภาพทั้ง OPD และ IPD
- Accident Insurance
- Flexible working hours
- รถรับส่ง
- Ordination leave
- สวัสดิการกู้บ้าน ธอส.
- Employee's uniform
- Funeral payment support
- Performance/results-based bonus
“กลุ่มบริษัทเอสซี”
ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ 2528โดย คุณณัฐภพ รัตนสุวรรณทวี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นองค์กรโลจิสติกส์ระดับสากล เริ่มต้นด้วยการให้บริการขนส่งเคมีภัณฑ์ต่อมาได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการเรือลากจูง(Tug Boat)ที่เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เรือสนับสนุนการปฏิบัติงานนอกชายฝั่งทะเลให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จากนั้นได้ให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และสารเคมีให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีชั้นนำของประเทศไทย อาทิ ปตท. เชลล์ และเอสโซ่ เป็นต้น
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เริ่มก่อตั้งครั้งแรกใช้ชื่อว่า บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2525 (ภายใต้โครงการปุ๋ยแห่งชาติของทางภาครัฐบาล) โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อทำการผลิตปุ๋ยเชิงประกอบ เพื่อทดแทนการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศ มีที่ตั้งของโครงการอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจังหวัดระยอง ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกจำนวน 50 ล้านบาท และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ต่อมาในเดือนมกราคม 2536 บริษัทได้เริ่มจำหน่ายปุ๋ยเชิงประกอบ (N-P-K) เข้าสู่ตลาดโดยการนำเข้าปุ๋ยเคมีสำเร็จรูปมาจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า “ปุ๋ยแห่งชาติ” เพื่อเป็นการสร้างฐานการตลาดในระยะแรก ก่อนที่บริษัทจะทำการผลิตและจำหน่ายจากโรงงานของบริษัทและได้เริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีเชิงประกอบ (N-P-K) ในปี 2538 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2538 บริษัทได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนโดยใช้ชื่อว่า บริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมี เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้รับเข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2539
ในปี พ.ศ 2547 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ปุ๋ยเอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) และล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนไปจึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันนอกจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีแล้ว บริษัทฯ ยังได้มีการจำหน่ายยิปซั่ม แอมโมเนีย แอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ กรดกำมะถัน บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเหลว บริการคลังสินค้า และบริการท่าเทียบเรือ อีกด้วย
ต่อมาในเดือน สิงหาคม ปี พ.ศ. 2561 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด (NFC ถือหุ้น100%) ให้บริการคลังจัดเก็บน้ำมัน ที่มีความจุ 90 ล้านลิตร โดยการดำเนินการคลังน้ำมันเอ็นเอฟซีที ได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายจัดส่งน้ำมันในระดับภูมิภาค ตอบสนองความต้องการของภาคการคมนาคมและขนส่งของไทย และสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐด้านการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)