งาน ที่ปรึกษา/ อื่น ๆ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย มีหน้าที่หลักในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายให้กับผู้ว่าจ้าง/ลูกความ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล องค์กร บริษัท หรือหน่วยงานรัฐ โดยจะชี้แจงกฎเกณฑ์ตามหลักกฎหมาย สิ่งไหนสามารถทำได้ สิ่งไหนไม่ควรทำ แล้วควรทำแบบไหนดีกว่า ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ช่วยแนะนำการร่างสัญญา และช่วยจัดเตรียมเอกสารที่เกียวข้องทางกฎหมาย โดยที่ปรึกษาด้านกฎหมายควรมีทักษะการสื่อสารที่ดี และมีความละเอียดรอบคอบในการทำงานสูง งานอัยการ ผู้พิพากษา ถือเป็นงานข้าราชการ เพราะเป็นพนักงานที่ทำงานให้แก่รัฐ ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชน โดยอัยการจะมีหน้าที่คล้ายทนายความ มีหน้าที่รวบรวมสำนวนคดีจากตำรวจหรือพนักงานสอบสวน แล้วนำมาพิจารณาสั่งฟ้องเพื่อเอาผิดผู้กระทำผิด ส่วนผู้พิพากษาจะมีหน้าที่ควบคุมกระบวนการดำเนินการพิพากษาคดีในศาล และหากจำเลยมีความผิดจริงก็จะกำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมทางกฎหมาย อาชีพนี้จึงต้องมีความยุติธรรมและจรรยาบรรณในอาชีพสูง
1. ลักษณะงานที่ให้คำปรึกษาในการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้า การก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน การก่อสร้างเขื่อนและถนน การก่อสร้างระบบสถานีไฟฟ้า และระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 2. การเข้าตรวจค้นสถานะทางธุรกิจ เพื่อการเข้าซื้อกิจการ ในส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมาย หรือ Legal Due Diligence 3. การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการ เพื่อขอรับใบอนุญาตต่าง ๆ และเพื่อให้การพัฒนาโครงการสำเร็จลุล่วง 4. การร่าง การให้ความเห็นในสัญญาทางธุรกิจ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 5. การให้ความเห็นทางกฎหมาย เพื่อสนับสนุนงานพัฒนาธุรกิจ (Business Development- BD) ของบริษัทฯ 6. การประเมินข้อขัดแย้งทางธุรกิจ หมายรวมถึง ข้อขัดแย้งอันเนื่องมากจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญา ข้อขัดแย้งที่เกิดจากการไม่ทำตามสัญญาหรือความไม่สมบูรณ์ของการทำตามเงื่อนไขสัญญา ข้อพิพาทที่เป็นกรณีของเอกชน และข้อพิพาทที่เกิดระหว่างเอกชนกับหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ โดยจะทำการประเมินความหนักแน่น ความเสี่ยง บนมาตรการต่าง ๆ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎระเบียบ หรือ ประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำ case assessment ในกรณีที่จะต้องนำข้อขัดแย้งนั้นไปสู่กระบวนการทางกฎหมายในลำดับถัดไป เช่น การเข้าเจรจาระงับข้อพิพาท การนำคดีขึ้นสู่ศาล และหมายรวมถึงการประเมินผลดีผลเสีย หากองค์กรที่สังกัดอยู่จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ว่าองค์กรจะได้รับผลดีผลเสียอย่างไร
เมื่อถึงระดับหนึ่ง สายงานที่ปรึกษาจะมีความมั่นคงทางอาชีพมาก เพราะองค์กรเห็นความสำคัญ ดังนั้น เมื่อถึงเวลาเกษียณอายุ ในบางองค์กรก็จะยังคงจ้างให้ทำงานต่อ ทั้งนี้เพราะประสบการณ์ที่ปรึกษาในองค์กรนั้นยากที่จะสร้างนักกฎหมายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ นอกจากนี้ในแง่รายได้ หากไต่ขึ้นถึงระดับ expertise เหล่านี้ จะได้รับรายได้ที่ดีมาก แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม
1. งานสาย legal เป็นงานที่เหนื่อยและต้องทุ่มเทกับการศึกษาหาความรู้และการทำวิจัยตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะในธุรกิจมีความเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง 2. นอกจากนี้ เป็นงานที่ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว เนื่องจากต้องใช้เวลามากในการทำงานให้สำเร็จ ดังนั้น เวลาแห่งการพักผ่อนจึงมีน้อยกว่าอาชีพอื่น และ 3. ต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นที่บุคคลอื่นจะมีให้แก่ตนนาน ทั้งนี้เพราะเป็นอาชีพที่มีผู้เรียนจบเยอะ และในประเทศไทยก็มีหลายสถาบันที่ผลิตบัณฑิตในสาขานี้ออกมา ดังนั้น การแข่งขันจึงสูง และจำต้องใช้เวลานานในการพิสูจน์ความสามารถเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
1. ควรได้รับปริญญาตรี สาขาวิชานิติศาสตร์ 2. ควรเพิ่มคุณวุฒิทางการศึกษา จากมหาวิทยาลัยทีได้รับการยอมรับในต่างประเทศ
ขาดความอดทนและไม่เรียนรู้ ทำงานวิจัยไม่เป็น และขาดทักษะการอ่านและการเขียนทางวิชาการ
ไม่มี
ตำแหน่งงานสายกฎหมายปัจจุบัน Patent Executive (ก่อนหน้านี้มีตำแหน่งเป็น Paralegal) งานประจำที่ทำคืออ่านเช็คอีเมล์เพื่อลง record ที่มีอยู่ในระบบของบริษัท เพื่อลงหมายกำหนดการของแต่ละงาน หรือคำขอ คิดและคำนวณว่าควรจะคิดเงินลูกความอย่างไรและเท่าไร รับผิดชอบหมายกำหนดการของแต่ละงาน หรือคำขอ ตรวจเช็ค pre-bill และ invoice ก่อนที่จะส่งให้ลูกความ รายงานความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรายได้ของแผนกให้กับ Country Manager
ท้าทายความสามารถ น้อยคนที่จะได้จับงานสาย legal นี้ ทำให้เป็นคนละเอียด ใจเย็น คิดเยอะ
ตำแหน่งงานกฎหมายงานหนัก รับผิดชอบสูง จนบางครั้งต้องเสียสละวันลาพักร้อน
เนื่องจากสิทธิบัตรเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย คนทำงานต้องมีความชำนาญด้วยการลงมือทำเอง โดยการคุย ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เรียนรู้ระบบของบริษัทให้เกิดความชำนาญ ควรมีความชำนาญในการคำนวณวันที่ที่เป็นหมายกำหนดการ
เด็กใหม่ไม่ค่อยอดทน บางครั้งไม่ยอมรับสิ่งที่เราสอนและเตือน ไม่ค่อยละเอียด รอบคอบ ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
ให้ขยันและอดทนเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์งานสายกฎหมาย ทำให้การทำงานง่าย เร็ว และถูกต้อง
งานที่ทำอยู่คืองานกฎหมายภาษี
- ทำหน้าที่หลักคือตรวจสอบภาษีที่เกี่ยวข้องเมื่อบริษัทจ่ายเงินค่าต่างๆ ไปต่างประเทศ ว่ามี WHT หรือ VAT ไหม โดยใช้ความรู้ของอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศ
- ทำหน้าที่ตรวจภาษีประจำเดือน ของบริษัทเช่น ภ.ง.ด 3, 53, 54, ภ.พ.36 และ ภ.พ.30, ภ.ธ. 40
- ทำหน้าที่ตรวจภาษีกลางปี และประจำปีของบริษัท
- ทำหน้าที่ตรวจสัญญาจากต้นสังกัด ว่าบริษัทมีภาระภาษีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง
- ทำหน้าที่สนับสนุนงานฝ่ายบัญชี และฝ่ายการเงิน เช่น พิจารณาว่าใบกำกับภาษีที่รับจาก Vendor มาเป็นภาษีซื้อต้องห้ามไหม, เป็นรายจ่ายทางภาษีได้หรือไม่ เป็นต้น
- ทำหน้าที่สนับสนุนงานด้านเอกสารทางภาษีเช่น การยื่นแบบแสดงรายการ (กรณียื่นแบบกระดาษ), ยื่นคำร้องคำขอต่างๆ
- ทำหน้าที่วิเคราะห์งบการเงินเบื้องต้น
- ทำหน้าที่พบปะกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร, เจรจาต่อรองเรื่องเอกสารที่ร้องขอ หรือขยายเวลาเพื่อให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีเวลาเตรียมเอกสารได้มากขึ้น
- ทำหน้าที่ Update กฎหมายภาษีใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท
- แปลเอกสาร เช่น แปลสัญญาจากภาษาไทย-อังกฤษ
งานภาษีเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะหลายอย่าง ต้องมีความรู้ทางวิชาการ และการมีมนุษยสัมพันธ์กับคนที่ดี งานภาษีเป็นงานที่เป็นความต้องการของตลาดมาก แต่กลับมีผู้มีความรู้เฉพาะด้านนี้น้อย
งานค่อนข้างหนัก กดดัน และงานทุกอย่างจะมีกรอบเวลาที่จำกัด ภาษีเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ต้องอุทิศเวลาให้กับการอ่านประมวลรัษฎากร, ข้อหารือ, กฎหมายลูกทั้งหลาย เป็นต้น หากเป็นคนที่อดทนไม่ได้อาจจะตัดสินใจเปลี่ยนสายอาชีพเลยก็มีมาก
1.บัญชี - เพราะการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายตามมาตรา 65 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ฐานก็มาจากกำไรสุทธิทางบัญชีดังนั้น ผู้ปฎิบัติงานจะต้องสามารถเข้าใจงบการเงินได้
2.การเงิน - ต้องมีความรู้ว่ารายได้และรายจ่ายอะไรบ้างที่มีผลกระทบทางด้านภาษี, ต้องดูบิลเงินสดและใบกำกับภาษีให้เป็น
3.กฎหมาย - ต้องมีความรู้ด้านกฎหมาย เพราะภาระภาษีจะแตกต่างไปตามเอกเทศสัญญา เช่น สัญญาซื้อขาย ย่อมมีภาระภาษีที่แตกต่างจากสัญญาจ้างบริการ หรือสัญญาจ้างทำของ
ปัญหาของงานภาษีคือเป็นงานที่เข้าใจยาก มีกฎหมายที่เกี่ยวของเป็นจำนวนมาก ต้องใช้เวลาศึกษาพอสมควร หากศึกษาได้ดีหรือไม่ครบถ้วน ก็อาจให้คำปรึกษาที่ผิดและเกิดผลเสียหายต่อบริษัทได้ วิธีที่จะปรับปรุงคือ ขยัน ไม่ยอมแพ้ และให้กำลังใจตัวเอง
หากคุณคิดจะเดินเส้นทางสายกฎหมายภาษี คุณได้รับงานที่หนักตามที่คุณตั้งใจไว้ ตอนเริ่มต้นงานภาษีอาจไม่ใช่งานสบาย แต่หากคุณมีความรู้ความสามารถที่แท้จริง คุณจะเป็นคนที่ต้องการของตลาด คุณจะไม่ตกงานอย่างแน่นอน
ให้คำแนะนำลูกค้าว่าทำอย่างไรจึงจะเสียภาษีได้อย่างถูกต้องและประหยัดภาษีได้มากที่สุด เช่น ลูกค้าถามว่ากรณีบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทขายที่ดินให้แก่บริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ก็อธิบายไปในภาษีแต่ละประเภทที่เกี่ยวข้อง พร้อมวิธีการคำนวณ เป็นต้น หรือวางแผนภาษีที่จะช่วยให้ลูกค้าประหยัดภาษีได้มากที่สุดในกรณีจะประกอบกิจการใหม่ หรือพบเจ้าหน้าที่สรรพากรพร้อมกับลูกค้าเพื่อแนะนำว่าควรตอบอย่างไรให้เกิดผลดีต่อบริษัทมากที่สุด หรือมีข้อควรระวังอย่างไรก็จะต้องแนะนำก่อนเข้าพบสรรพากร
ทำให้ขยันและกระตือรือร้น
เหนื่อยมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยรักการอ่านมากเท่าไร
ควรมีพื้นฐานเรื่องธุรกิจ หรือบัญชีมาก่อน แล้วจึงมาเรียนกฎหมายจะดีกว่า ทำให้เข้าใจข้อเท็จจริงของลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ในการเรียนกฎหมายภาษีในรั้วมหาวิทยาลัยจะไม่ได้เจาะลึก ทำให้ดูเหมือนง่าย แต่พอมาปฏิบัติงานจริงจะต้องทำใจสู้มาก ๆ เพราะกฎหมายภาษีเป็นสิ่งที่ยากและต้องใช้ความละเอียดรอบคอบมาก
ควรหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะการอัพเดทกฎหมายภาษีใหม่
ให้ความเห็นทางกฎหมาย ตรวจร่างสัญญา ให้คำปรึกษากฎหมาย ว่าความ ดำเนินคดีในศาล
รายได้สูง มีอำนาจเหนือคนอื่น
รายจ่ายเยอะ เครียด ใช้สมองมาก
กฎหมาย และประสบการณ์
ทุกอย่างไม่ว่าเป็นการปรับตัว ความรู้ด้านกฎหมาย ความขยัน การตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ
-
ตรวจสอบคุณภาพสินค้า
ได้ประสบการณ์ใหม่
ไม่มีเวลาส่วนตัว
สินค้าที่ต้องการตรวจสอบ
อดทน
-
ไม่ว่าจะเป็นการมองหางานในตำแหน่งเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่ หรือวางแผนสมัครงานในสายงานการเงิน การธนาคารกับบริษัทที่ใช่ ก็สามารถเลือกหาได้ที่ JOBTOPGUN เว็บไซต์หางานที่มีงานอัปเดตใหม่ทุกวันจากบริษัทชั้นนำมากมาย ให้คุณได้งานจริงด้วย Super Resume ที่ให้คุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพ หางานสายอาชีพกฎหมายได้ที่นี่